วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

อุปกรณ์คอมพิวเตอร์

 อุปกรณ์คอมพิวเตอร์



ส่วนอุปกรณ์ หรือ คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ (อ. computer hardware) หรือเรียกย่อว่า ฮาร์ดแวร์ (อ. hardware) [1] เป็นคำที่ใช้อ้างอิงถึง ส่วนที่จับต้องได้ ของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งไม่รวมถึงข้อมูล, ระบบการคำนวณ, และซอฟต์แวร์ ที่ป้อนชุดคำสั่งให้ฮาร์ดแวร์ทำการประมวลผล
ความจริง ขอบเขตที่แบ่งระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ไม่ได้ชัดเจน เพราะระหว่างกลางอาจจะมีเฟิร์มแวร์ ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่สร้างมาโดยเฉพาะ เพื่อฝังไว้ในฮาร์ดแวร์อยู่ด้วย โดยที่ผู้ใช้ทั่วไป ไม่จำเป็นต้องกังวลกับเฟิร์มแวร์เหล่านี้ เพราะเป็นส่วนที่โปรแกรมเมอร์ และวิศวกรคอมพิวเตอร์ เป็นผู้ดูแล

อุปกรณ์พื้นฐาน

สถาปัตยกรรมของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ประกอบด้วย
ส่วนอุปกรณ์ หมายถึง ชิ้นส่วนเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์รอบข้างที่เกี่ยวข้องต่างๆ
ซึ่งประกอบด้วยส่วนที่สำคัญคือ หน่วยประมวลผลกลาง หน่วยความจำหลัก หน่วยรับข้อมูล หน่วยแสดงผล และหน่วยเก็บข้อมูลสำรอง
2.1 หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit) หน่วยประมวลผลกลางหรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า ซีพียู (CPU) เป็นหน่วยที่เปรียบเสมือนสมองของระบบคอมพิวเตอร์ และเป็นหน่วยที่มีความซับซ้อนมากที่สุด ส่วนประกอบต่าง ๆ ในหน่วยประมวลผลกลางเป็นตัวกำหนดความเร็วของเครื่องคอมพิวเตอร์ หน่วยประมวลผลกลางรุ่นใหม่ ๆ จะมีขนาดเล็กลงในขณะที่มีความเร็วเพิ่มขึ้น
2.2 หน่วยความจำหลัก (Main Memory Unit) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการจดจำข้อมูล และโปรแกรมต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ บางครั้งอาจเรียกว่า หน่วยเก็บข้อมูลหลัก (Primary storage) สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
2.2.1 หน่วยความจำหลักแบบอ่านได้อย่างเดียว (Read Only Memory)
2.2.2 หน่วยความจำหลักแบบแก้ไขได้ (Random Access Memory)
2.3 หน่วยรับข้อมูล (Input Unit) ทำหน้าที่รับข้อมูลจากผู้ใช้เข้าสู่หน่วยความจำหลัก ปัจจุบันมีสื่อต่าง ๆ ให้เลือกใช้ได้มากมาย แบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ดังนี้
2.3.1 อุปกรณ์แบบกด (Keyed Device) แป้นพิมพ์ (Keyboard) แบ่งเป็น 4 กลุ่มด้วยกันคือ แป้นอักขระ (Character Keys) แป้นควบคุม (Control Keys) แป้นฟังก์ชัน (Function Keys) แป้นตัวเลข (Numeric Keys)
2.3.2 อุปกรณ์ชี้ตำแหน่ง (Pointing Device) เช่น เมาส์ (Mouse) ลูกกลมควบคุม (Track ball) แท่งชี้ควบคุม (Track Point) แผ่นรองสัมผัส (Touch Pad) จอยสติก (Joy stick) เป็นต้น
2.3.3 จอภาพระบบไวต่อการสัมผัส (Touch-Sensitive Screen) เช่น จอภาพระบบสัมผัส (Touch screen)
2.3.4 ระบบปากกา (Pen-Based System) เช่น ปากกาแสง (Light pen) เครื่องอ่านพิกัด (Digitizing tablet)
2.3.5 อุปกรณ์กวาดข้อมูล (Data Scanning Device) เช่น เอ็มไอซีอาร์ (Magnetic Ink Character Recognition - MICR) เครื่องอ่านรหัสบาร์โค้ด (Bar Code Reader) สแกนเนอร์ (Scanner) เครื่องรู้จำอักขระด้วยแสง (Optical Character Recognition - OCR) เครื่องอ่านเครื่องหมายด้วยแสง (Option Mark Reader -OMR) กล้องถ่ายภาพดิจิตอล (Digital Camera) กล้องถ่ายทอดวีดีโอดิจิตอล (Digital Video)
2.3.6 .อุปกรณ์รู้จำเสียง (Voice Recognition Device) เช่น อุปกรณ์วิเคราะห์เสียงพูด (Speech Recognition Device)
2.4 หน่วยแสดงผล (Output Unit) ทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์จากคอมพิวเตอร์ โดยมากจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
2.4.1.หน่วยแสดงผลชั่วคราว (Soft Copy) หมายถึงการแสดงผลออกมาให้ผู้ใช้ได้รับทราบในขณะนั้น แต่เมื่อเลิกการทำงานหรือเลิกใช้แล้วผลนั้นก็จะหายไป ไม่เหลือเป็นวัตถุให้เก็บได้ ถ้าต้องการเก็บผลลัพธ์นั้นก็สามารถส่งถ่ายไปเก็บในรูปของข้อมูลในหน่วยเก็บ ข้อมูลสำรอง เพื่อให้สามารถใช้งานได้ในภายหลัง
2.4.2 หน่วยแสดงผลถาวร (Hard Copy) หมายถึงการแสดงผลที่สามารถจับต้อง และเคลื่อนย้ายได้ตามต้องการ มักจะออกมาในรูปของกระดาษ
2.5 หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary Storage Unit) เนื่องจากแรมเป็นหน่วยความจำที่ไม่ได้เก็บข้อมูลอย่างถาวร ถ้าปิดเครื่องหรือไฟดับข้อมูลก็หายไป ดังนั้นถ้าผู้ใช้มีข้อมูลอยู่ในแรมก็จะต้องทำการจัดเก็บข้อมูล โดยย้ายข้อมูลจากหน่วยความจำไปไว้ในหน่วยเก็บข้อมูลสำรอง เนื่องจากสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างถาวร เก็บข้อมูลเป็นจำนวนมากได้ แต่ความเร็วในการอ่านและบันทึกข้อมูลของหน่วยเก็บข้อมูลสำรองจะต่ำกว่าแรม มาก ดังนั้นจึงควรทำงานให้เสร็จก่อนจึงย้ายข้อมูลนั้นไปไว้ในหน่วยเก็บข้อมูล สำรอง
2.6 ส่วนประกอบอื่น ๆ
2.6.1 แผงวงจรหลัก (Main Board)
2.6.2 ส่วนเชื่อมต่ออุปกรณ์ (Peripheral Inteface)
2.6.3 อุปกรณ์พีซีการ์ด (PC-Card)
2.6.4 อุปกรณ์สื่อสารข้อมูล (Data communication device)
2.6.5 ยูพีเอส (UPS)
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C

วัดเจดีย์ซาว

วัดเจดีย์ซาว



            วัดเจดีย์ซาว อยู่ที่ตำบลต้นธงชัย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ไปวัดเจดีย์ซาวซึ่งเป็นวัดสำคัญของลำปาง และมีองค์พระธาตุเจดีย์ซาว (ซาว แปลว่า ๒๐) เป็นศิลปล้านนาผสมศิลปพม่า จะไปวัดเจดีย์ซาวก็ต้องเดินทางไปยัง จังหวัดลำปางเสียก่อน ซึ่งจังหวัดลำปางนี้มีแหล่งท่องเที่ยว แหล่งซื้อของมากมาย เช่น ผ้าทอพื้นเมือง หมู่บ้านแกะสลัก กระดาษสาและผลิตภัณฑ์ และที่สำคัญยิ่งในสายตาของผมคือ พวกเซรามิคทั้งหลายที่งดงาม และราคาถูกยิ่งกว่าซื้อ ณ เมืองใด ผมจะเล่าถึงแหล่งจับจ่ายใช้สตางค์ทีหลัง
            ประวัติย่อของเมืองลำปางมีอยู่ว่า เจ้าอนันยศ โอรสของพระนางจามเทวี (ผู้ครองนคร หริภุญชัย) เป็นผู้สร้างนครลำปางโดยมีพระฤษีสุเทวะ เป็นผู้ชี้ชัยภูมิสำหรับสร้าง ซึ่งได้แก่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำวังกะนที เจ้าอนันยศได้ขนานนามเมืองที่สร้างนี้ว่า เขลางค์นคร และลำปางต้องตกอยู่ใต้อิทธิพลของเมืองอื่น หลายยุคหลายสมัย
            พ.ศ. ๑๖๐๐ - ๑๘๐๐ ลำปางตกอยู่ใต้อิทธิพลของมอญและขอม
            ต่อมาประมาณ พ.ศ. ๑๘๐๐ เศษ  ก็ตกอยู่ในอำนาจของพ่อขุนเม็งราย กษัตริย์ล้านนา (เชียงราย) ที่มาตีได้หริภุญชัยแล้วสร้างเวียงกุมภกาม สร้างนครเชียงใหม่ ได้ลำปางไว้ในอำนาจด้วย
            ในสมัยอยุธยาไทย กับพม่า ผลัดเปลี่ยนกันมีอำนาจเหนือลำปาง
            สมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงขับไล่อำนาจพม่าออกไปได้โดยเด็ดขาด และทรงแต่งตั้งให้เจ้ากาวิละเป็นเจ้าเมืองลำปาง
            สมัยรัตนโกสินทร์ เจ้ากาวิละ ไปครองเมืองเชียงใหม่ เชื้อสายของเจ้ากาวิละยังคงครองเมืองลำปาง ต่อมาจนกระทั่งยกเลิกตำแหน่งเจ้าผู้ครองเมือง
            ลำปางมีชื่อหลายชื่อ แต่ที่ปรากฏอยู่ในตำนานพระธาตุลำปางหลวงคือ เมืองกุกุตตนคร ซึ่งแปลว่าเมืองไก่ หรือบางทีเรียกว่า เมือง กุกกุฏนคร อันมีความหมายว่า เมืองไก่ขาว ตราประจำจังหวัดในปัจจุบันจึงเป็นรูป ไก่อยู่ในมณฑป ชื่ออื่น ๆ เช่น เมืองศรีดอนชัย เมืองสัมภะกัมปะนคร ในตำนานชินกาลมาลินีเรียกว่า เขลางค์นคร และ ลัวะดอนลำปาง และเพี้ยนมาเป็นนครลำปางในชื่อปัจจุบันนั่นเอง
            สภาพทางภูมิศาสตร์ ลำปาง ลักษณะพื้นที่เป็นแอ่งกะทะ เป็นดินแดนที่มีภูเขาไฟ และดับหมดแล้ว หินภูเขาไฟหรือหินอัคนี ปรากฏอยู่ตามรอยแยกของแผ่นดินที่เคยเป็นปากปล่องภูเขาไฟ ที่มีอำเภอสบปราบ อำเภอเกาะคา เรียกว่าสบปราบบะชอลต์ ส่วนหินอีกกลุ่มหนึ่ง เรียกว่าแม่ทะบะชอลต์ อยู่ในพื้นที่อำเภอเมือง และอำเภอแม่ทะ ทั้งสองกลุ่มเป็นหินภูเขาไฟที่มีอายุ ประมาณ ๘๐๐,๐๐๐ ปีมาแล้ว บริเวณปากปล่องของภูเขาไฟที่ดับมานานแล้วเช่นนี้ จึงมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมหนาแน่น มองไม่เห็นปากปล่องเด่นชัดเหมือนภูเขาไฟที่เมืองโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ที่ผมเคยพาไปเที่ยวมาแล้ว นั่นมองเห็นชัดเจน เป็นเหมือนสนามหญ้าขึ้นอยู่อย่างเรียบร้อยทีเดียว
            เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๕ เป็นที่ปีน้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพ ฯ และอยู่ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ ในปีนี้เป็นปีน้ำท่วมกรุงเทพ ฯ ครั้งใหญ่ เรียกว่าในชีวิตของผมยังไม่เคยเจอน้ำท่วมกรุงเทพ ฯ มากเช่นปี ๒๔๘๕ อีกเลย ท่วมเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ที่ชาวกรุงรุ่นหลังผม ว่ามากนั้นเทียบไม่ได้กับปี พ.ศ. ๒๔๘๕ ซึ่งน้ำท่วมขังอยู่นานเป็นเดือน ขนาดต้องใช้เรือสัญจรกันทั่วกรุง ฯ หมดสิทธิ์การใช้รถยนต์ทุกประเภท สมัยนั้นยังไม่มีสิบล้อเลย ไม่ทราบว่าหากมีสิบล้อ จะวิ่งได้หรือเปล่า แต่จำได้แต่ว่า ไปไหนต้องไปเรือ และส่วนมากจะเดินลุยน้ำก็ไม่ไหวเพราะน้ำท่วม ใครว่ายน้ำไม่เป็นก็หัดว่ายกันตอนนั้นนั่นเอง ส่วนบิดาของผมไปราชการสนามคือ ไปกับหน่วยที่ออกปฏิบัติการชายแดนภาคเหนือ แต่เนื่องจากเป็นทหารอากาศจึงไม่ต้องไปตั้งหน่วย อยู่ที่ชายแดนเหมือนทหารบก บิดาของผมจึงไปประจำอยู่กับฝูงบินขับไล่ ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณ สนามบินลำปางเดี๋ยวนี้ ส่วนอีกฝูงหนึ่งเป็นฝูงบินทิ้งระเบิด ท่านผู้บังคับฝูงยังมีชีวิตอยู่คือ ท่านพลอากาศเอก หะริน  หงสกุล (ผมเรียกท่านว่า คุณอาตามแบบทหารที่นับญาติกันหมด) ส่วนบิดาของผมเป็นผู้บังคับหมวดช่างอากาศ เรียกว่ามือแก้เครื่องบิน แบบ เบอร์เก้, คอรแซร์, ฮอลค์ ชื่อทำนองนี้ ผมกำลังอยู่ในวัยที่เรียกว่านมพึ่งจะแตกพาน ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๘๖ การรบไม่ได้หนักหนาอะไรที่เมืองไทย โดยเฉพาะที่ลำปาง ทางทหารจึงอนุญาติให้นำครอบครัวขึ้นไปอยู่ด้วยกันได้ แต่ต้องเช่าบ้านอยู่เองสมัยนั้นไม่มีการเบิกค่าเช่าบ้าน แต่ก็พอทราบว่าค่าเช่าบ้านสมัยนั้นเดือนละไม่กี่บาท ชีวิตของผมจึงสัมผัสเมืองลำปางตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๘๖ และได้เข้าโรงเรียนที่โรงเรียนบุญวาทวิทยาลัย ๑ ปีในชั้นมัธยม ๓ (ปัจจุบันคงเป็นชั้น ม.๑) ซึ่งต้องเดินไปโรงเรียนระยะทางวันละหลายกิโลเมตร ถือโอกาสเล่าชีวิตตอนหนึ่งให้ฟังเสียเลย
            กลับมาอีกทีก็หลังจากนั้นอีก ๒๒ ปี มาดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่ที่ ๗ ซึ่งหน่วยตั้งอยู่ที่ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่รับผิดชอบของปืนใหญ่กองพันของผม รวมถึงพื้นที่ในเขตจังหวัดลำปางด้วย จึงมีโอกาสมาลำปาง หรือผ่านลำปางไปยังเชียงราย พื้นที่ชายแดน ถนนสายเชียงใหม่ ผ่านเวียงป่าเป้าไปเชียงรายยังไม่มีถนนสาย ลำปาง เชียงใหม่ เพิ่งเริ่มจะกรุยทางก่อสร้างกัน การไปเชียงใหม่สมัยนั้น จึงต้องเลี้ยวซ้ายที่อำเภอเถิน อ้อมไปทางอำเภอบ้านโฮ่ง, ลี้,ป่าซาง ลำพูน เชียงใหม่
            กลับมาเที่ยวลำปางกันใหม่ การเดินทางไปลำปางระยะทางถนนประมาณ ๖๐๐ กิโลเมตร ไปได้สะดวก ๒ เส้นทาง เส้นทางหลัก ไม่มีภูเขาให้ไต่ อย่างดีแค่ขึ้นเนินคือถนนสายพหลโยธิน และสายเอเซีย กรุงเทพ ฯ ประตูน้ำพระอินทร์ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเอเซีย ที่กิโลเมตร ๕๔ ไปผ่านสิงห์บุรี ชัยนาท ทับกับสายพหลโยธินใหม่ไปนครสวรรค์ กำแพงเพชร ตาก ลำปาง ส่วนอีกสายหนึ่งไปได้ช้ากว่า แต่เส้นทางสวยหลายตอน ลัดเลาะไปตามไหล่เขา และแม่น้ำหลายแห่ง คือจากนครสวรรค์แยกขวาไปพิษณุโลกอีก ๑๒๙ กิโลเมตร (ตอนนี้เส้นทางกำลังขยายเป็นสี่เลน) จากพิษณุโลก เลี้ยวขวาไปทางหล่มสัก แล้วเลี้ยวเข้าถนนไปอุตรดิตถ์ไปผ่านเด่นชัย แยกซ้ายไปผ่านวัดพระธาตุสุทนคีรี แล้วแยกขวาไปลำปาง ผ่านไปทางอำเภอแม่ทะ จะถึงลำปางเข้าทางเหนือ ส่วนเส้นแรกเข้าทางใต้ของลำปาง ทางเครื่องบินก็มี ทางรถไฟก็ได้ หรือใครจะอุตริไปทางเรือ ก็คงไปถึงในเวลาไม่เกินเดือนกระมัง
            สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองลำปางนั้นมีมาก มีแทบทุกอำเภอ เอากันแค่ในอำเภอเมืองก็แล้วกัน เพราะจุดหลักที่เป็นเป้าหมายของผมอยู่ที่วัดเจดีย์ซาว


            วัดสำคัญของลำปางคือ วัดพระธาตุลำปางหลวง อยู่ในเขตอำเภอเกาะคา
            นอกจากวัดสำคัญนี้แล้ว ยังมีอีกหลายวัดที่มีความสำคัญ เก่าแก่ งดงาม เช่น วัดศรีขุม วัดศรีรองเมือง วัดพระแก้วดอนเต้า วัดป่าผาง วัดพระธาตุม่อนพญาแช่ วัดพระธาตุเสด็จ วัดเสลารัตนบัพพดาราม หรือวัดไหล่หินแก้ว วัดนี้อยู่ในอำเภอเกาะคา ไม่ไกลจากตัวเมืองมาจากกรุงเทพ ฯ จะผ่านก่อน มีวิหารเก่าแก่นี้มีข่าวเชียงตุง วัดปงยางตก อยู่ในเขตอำเภอเกาะคาเช่นกัน มีวิหารเจ้าแม่จามเทวี และวัด อักโขชัยศิริ ในอำเภอแจ้ห่ม
            ก่อนถึงอำเภอเกาะคา หรือจะไปจากเกาะคาก็ได้ ห่างจากเกาะคา ๑๔ กิโลเมตร คือ วัดพระธาตุจอมปิง อีกวัดคือ วัดอักโขชัยศิริ และวัดพระธาตุลำปางหลวง ทั้ง ๓ วัดนี้ปรากฏการณ์ประหลาดคือ เงาของพระเจดีย์ที่ผ่านรูหน้าต่างโบสถ์ ซึ่งเป็นรูเล็กเปรียบเหมือนเลนซ์ของกล้องถ่ายรูป ลำแสงที่ผ่านรูนี้เข้ามาเมื่อตกต้องพื้นโบสถ์ หรือจะเอาฉากรับก็ได้ จะปรากฏเป็นภาพสีของพระเจดีย์ที่พื้นโบสถ์ หรือที่ฉากมารับแสง ตราบเท่าที่มีแสงสว่างเงานี้จะปรากฏอยู่ที่จุดเดิมตลอดทั้งวันไม่เคลื่อนย้ายไปไหน ไม่ว่าดวงอาทิตย์จะหักเหไปทางทิศใด หากไปที่อำเภอเกาะคา พอข้ามสะพานข้ามแม่น้ำไปแล้ว หากเลี้ยวซ้ายไป ๑๔ กม.จะไปยังวัดพระธาตุจอมปิง หากเลี้ยวขวามาสัก ๕ กิโลเมตร จะมาวัดพระธาตุลำปางหลวง และหากไปเชียงใหม่ก็วิ่งผ่านหน้าวัดไปออกอำเภอห้างฉัตรได้เลย จะร่นระยะทางไปประมาณร่วม ๒๐ กิโลเมตร


            วัดเจดีย์ซาว จะเดินทางไปวัดนี้ต้องถามทางเพื่อไปข้ามแม่น้ำวัง ข้ามที่สะพานเก่าแก่คือ สะพานรัษฎา (สะพานข้ามแม่น้ำเห็นมีอยู่ ๒ สะพาน) ซึ่งอยู่ในเมือง เมื่อข้ามสะพานรัษฎาไปแล้ว วิ่งต่อไปจนถึงสี่แยกที่มีไฟสัญญาน ก็เลี้ยวขวามีป้ายบอกว่าไปวัดเจดีย์ซาว เส้นนี้จะผ่านวัดหัวข่วงทางซ้ายมือ ซึ่งเป็นวัดที่มีโบราณสถาน มีวิหารสกุลช่างเชียงแสน ซึ่งสร้างไว้ตั้งแต่เคลื่อนย้ายลงมาอยู่ที่เขลางค์นคร มีลวดลายประดับงดงามอย่างยิ่ง หากมองจากประตูวัด จะมองเห็นเจดีย์ทองของวัดอีกวัดที่อยู่ทางฝั่งตรงกันข้าม จากนั้นจะไปผ่านสุสานไตรลักษณ์ ผ่านวัดวังหม้อไปอีก ๓๐๐ เมตร จะมีทางแยกซ้าย มีป้ายบอกว่าไปวัดเจดีย์ซาวหลัง ซาวคำเมืองแปลว่า ๒๐ ซาวหลัง เจดีย์ ๒๐ องค์ เลี้ยวซ้ายเข้าไปสัก ๑ กิโลเมตร ที่หน้าวัดยกป้ายว่าวัด พระเจดีย์ซาวหลัง
            วัดเจดีย์ซาว หรือวัดเจดีย์ซาวหลัง หรือวัดป่าเจดีย์ซาวหลัง เมื่อเข้าประตูวัดเข้าไปแล้ว มองตรงไปจะเห็นอุโบสถ และทางซ้ายของอุโบสถคือ กลุ่มเจดีย์สีขาวบริสุทธิ์ เขาบอกว่ามี ๒๐ องค์ แต่เขาก็บอกกันอีกว่าให้ลองนับดูหากใครนับได้ครบ ๒๐ องค์ ก็ถือว่ามีบุญ หรือจะอธิษฐานขออะไรไว้ล่วงหน้าก็ได้ แล้วลองนับดู ผมมาทราบความนี้เมื่อกลับออกมาแล้ว เลยไม่ได้ลองนับว่ามี ๒๐ องค์จริงหรือเปล่า
            ไม่สามารถทราบได้แน่นอนว่าวัดเจดีย์ซาวสร้างเมื่อใด แต่ดูจากอายุพระเครื่องที่ขุดพบที่บริเวณเจดีย์ ประมาณว่าอายุน่าจะถึงพันปี และเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๐ ได้เริ่มมีการบูรณะจากสภาพวัดร้างให้เป็นวัด ซึ่งในตอนนั้น เป็นป่ารกชัฏมีต้นไม้ใหญ่น้อยขึ้นปกคลุม บรรยากาศเงียบสงัดไม่มีเสนาสนะใด ๆ ในวัด คงมีแต่กลุ่มพระเจดีย์อยู่ในดงไม้ที่ปกคลุมอยู่ พร้อมกับเนินซากวิหารด้านเหนือ และมีปะรำมุงหญ้าคาหลังเล็ก ๆ พอเป็นที่กำบังฝนชั่วคราวของชาวบ้านในถิ่นนั้น ทำขึ้นเพียงเพื่อไว้ประกอบกิจการกุศลในวันเพ็ญเดือน ๙ ต่อมาได้มีพระภิกษุชาวพม่าชื่อ อูวะยันต่าเถระ ซึ่งเล่าเรียนจบพระไตรปิฎกมาจากเมืองมัณฑะเล ประเทศพม่า ได้รับมอบหมายจากคณะสงฆ์พม่า ให้มาทำการสอนพระบาลีคัมภีร์พระไตรปิฎกแก่พระสงฆ์พม่าในนครลำปาง ในการมาครั้งนั้นท่านได้นำตำนานวัดเจดีย์ซาวติดตัวมาด้วย สันนิษฐานกันว่า เพราะลำปางตกอยู่ใต้อำนาจของพม่า เมื่อพม่ามารุกราน หัวเมืองฝ่ายเหนือได้ชัยชนะแล้ว ก็ขนเอาของมีค่ากลับไปเมืองพม่าด้วย
            ในตำนานที่พม่านำมานั้นกล่าวว่า เมื่อประมาร ๒,๐๐๐ ปีมาแล้ว มีพระอรหันต์ ๒ องค์ จาริกมาจากชมพูทวีป เพื่อประกาศพระพุทธศาสนา และได้มาพำนัก ณ สถานที่แห่งนี้ เป็นสถานที่จำพรราา เผยแพร่ศิลธรรม เทศนาสั่งสอนแก่ผู้คนในถิ่นใกล้เคียงนั้น ต่อมามีพระยาองค์หนึ่งนามว่า พระยามิลินทร์  ได้มาพบปะพระอรหันต์แล้วไต่ถามปัญหาธรรมะข้อข้องใจต่าง ๆ  ได้รับการชี้แจงให้รอบรู้ในเหตุและผล จึงเกิดศรัทธาเลื่อมใสในองค์พระอรหันต์ทั้งสอง จึงได้ปรวารณาตนเป็นศิษย์ และประสงค์จะสร้างถาวรวัตถุขึ้น ณ ที่นั้น จึงขอเส้นเกษาจากพระอรหันต์ ๒ องค์
            เมื่อพระเถระได้นำตำนานมาด้วย จึงอ่านตำนานนั้นให้ชาวบ้านฟัง ชาวบ้านต่างมีศรัทธาจึงออกค้นหาพระธาตุของพระอรหันต์จนพ (ไม่ได้บอกว่าพบเมื่อไร และอ่านให้ฟังเมื่อไร) และร่ำลือกันไปทั่ว จนทราบไปถึงเจ้าบุญวาทย์มานิต ท่านจึงรับเป็นประธานในการปฏิสังขรณ์ พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนชาวไทย พม่า และไทยใหญ่ เสร็จเรียบร้อยเมื่อกุมภาพันธ์ ๒๔๖๖ แต่เจ้าบุญวาทย์วงศ์มานิต ได้ถึงแก่พิราลัยก่อนที่การบูรณะจะเสร็จ แต่ศรัทธาโดยการนำของทายาทเจ้าพ่อ ก็ทำต่อกันมาจนเรียบร้อย และได้จักงานสมโภชเมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๔๖๗
            ภายในวัดมีสิ่งที่น่าชม น่าเคารพสักการะหลายแห่งด้วยกัน นอกเหนือไปจากพระธาตุเจดีย์ซาวคือ
            พระแสนแซ่ทองคำ  อยู่ในวิหาร เป็นพระพุทธรูปทองคำหนัก ๑๐๐ บาท สองสลึง โดยชาวบ้านขุดพบเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ชาวบ้านนำมาถวายไว้ที่วัด มีพระพุทธรูปทันใจ อยู่ในวิหารหลังเล็กข้างเจดีย์ ซึ่งบานประตูทั้งสาม เขียนลวดลายรดน้ำงดงามมาก มีพิพิธภัณฑ์มีศาลเจ้าแม่กวนอิมพันมือพันเนตร ซึ่งหมายถึงว่าทุกข์มากเหลือเกิน จึงต้องมีเจ้าแม่ที่พันมือพันเนตรลงมาช่วยปลดทุกข์ มีวิหารพระสังกัจจายน์ วิหารพระศิวลี
            อุโบสถ  มีหลวงพ่อโต และมีจิตรกรรมฝาผนัง ที่วาดภาพเล่าเรื่องของวัดเจดีย์ซาว เช่น วาดภาพสถาพเดิมก่อนปฏิสังขร ภาพพระอรหันต์ ๒ องค์ มอบเกษาธาตุให้แก่พระยามิลินทร์ ภาพชายอนาถา ๒ พี่น้องขุดบ่อน้ำ
            บริเวณวัดร่มรื่น ยังมีไม้ใหญ่ ไม้เก่าแก่ขึ้นครึ้มไปหมด ด้านหลังหรือน่าจะเรียกว่าด้านข้างขวาสุด มีมะม่วงใหญ่ และบ่อน้ำเล็ก ๆ ๒ บ่อ เล่ากันว่า เมื่อพระอรหันต์มาพำนักอยู่นั้น ชายอนาถา ๒ พี่น้องมาหาพระอรหันต์ และขุดบ่อน้ำถวายคนละบ่อ และเมื่อจะขุดก็ตั้งจิตอธิษฐานขอให้ขุดพบน้ำ และอยู่ยงตลอดไป เมื่อขุดลงไปจนลึกพบน้ำใสสะอาดพุ่งขึ้นมา และอยู่กระทั่งบัดนี้ (หากตำนานนี้จริงก็อายุ ๒,๐๐๐ ปีแล้ว) และปลูกมะม่วงอีกคนละต้น ตายไป ๑ ต้น ไม่แน่ใจว่าต้นของพี่หรือของน้องที่ตายไปแล้ว อายุมะม่วงนั้นอายุยืนมาก เท่าที่ผมทราบแน่ ๆ ว่าที่ประเทศอินเดียนั้นมะม่วงอายุ ๕๐๐ปี ยังออกลูกอยู่
            การไปเที่ยววัดเจดีย์ซาวจึงได้ข้อมูลมาเพียงเท่านี้ แต่น่าไปเที่ยว ไปนมัสการ ไปกราบไหว้บูชาอย่างยิ่ง แม้นับถือศาสนาอื่น หากไม่ขัดต่อหลักศาสนาแล้วก็คุ้มค่าที่จะไปชม จึงมีฝรั่งไปอาจจะมากกว่าคนไทยไปด้วยซ้ำไป
            ผมออกจากวัดเจดีย์ซาวแล้วไม่ได้ย้อนกลับมาลำปาง คงต่อไปยังอำเภอแจ้ห่ม อำเภอวังเหนือ แล้วไปออกแม่ขจาน อำเภอเวียงป่าเป้า ไปต่ออำเภอแม่สรวย เข้าพักที่เชียงราย คันทรี ฮิลล์รีสอร์ท
            แวะลำปาง ของที่ระลึกที่น่าซื้อ น่าหา น่าชม เห็นจะได้แก่ ผ้าทอด้วยกี่พื้นเมือง ที่อำเภอแจ้ห่ม และบ้านทุ่งกว้าว อำเภอเมืองปาน
            หมู่บ้านแกะสลักบ้านหลุก ตำบลนาครัว อำเภอแม่ทะ แกะสลักไม้เป็นรูปสัตว์เช่นช้าง
            กระดาษสา เป็นอุตสาหกรรมพื้นบ้านของบ้านโท้ง ทำจากปอสา และนำกระดาษมาประดิษฐ์ของใช้เซรามิค ลำปางมีแหล่งแร่ดินขาวคุณภาพดีที่สุด มากที่สุดของประเทศ จึงเกิดอุตสาหกรรมเครื่องเคลือบดินเผา แหล่งที่ผมซื้อประจำและราคาถูกมาก เป็นแหล่งใหญ่อยู่หน้าจวนผู้ว่าราชชการจังหวัด มีหลายสิบร้าน ร้านที่ผมซื้อประจำชื่อร้านป้าน้อย เข้าทางด้านถนนผ่านหลังวัดป่าดัวะ ร้านแรกทางขวามือเมื่อเข้าประตูไป
            ร้านจำหน่ายของที่ระลึกมีมากที่หอนาฬิกา และไปลำปางอย่าลืมซื้อชามตราไก่ของลำปางกลับมาเอาไว้กินข้าวต้ม
            ทีนี้ไปร้านอาหาร ชื่อร้านรสนานา ร้านนี้คนเป็นใบ้ก็สั่งอาหารได้ เพราะหากไม่พูดไม่จาไม่สั่งอะไรเขายกมาให้ครบชุดเลย และเขาดูคนหากไปหลายคนมาชุดใหญ่มีอาหาร ๕ อย่าง แต่เพิ่มสลัดให้อีกอย่าง สามร้อยกว่าบาท หากไปน้อยคนเช่น ๒ คน ยกมาทั้งชุดมี ๕ อย่างเช่นกัน สองร้อยกว่าบาท แถมหน้าร้านมีขนมขายแบบโฮมเมด เป็นคุกกี้นานาชนิด ทำจากธัญพืชซื้อมาชิมแล้วอร่อยมาก
            ทิศทางหาร้านให้เจอ ต้องตั้งต้นว่ามาจากกรุงเทพ ฯ โดยมาตามถนนสายหลัก พหลโยธินที่ผ่านมาทางอำเภอเถิน มาถึงอำเภอเกาะคาก็เลี้ยวขวามาลำปางให้คอยนับแยกที่มีสัญญานไฟให้ดี ๆ
            เมื่อพบป้ายทางซ้ายบอกว่าอีก ๗ กิโลเมตร จะถึงลำปางจะพบสัญญานไฟของแยกที่ ๑
            ตรงต่อไปจะพบสัญญานไฟที่ ๒ ซึ่งหากเลี้ยวซ้ายจะไปเชียงใหม่ ให้ตรงต่อไป
            ข้ามสะพานข้ามทางรถไฟ ผ่านบิ๊กซี แล้วผ่านสัญญานไฟที่ ๓ พบป้ายลำปาง - เชียงราย
            ให้เลี้ยวซ้ายที่สัญญานไฟที่ ๔ นี้เข้าเมืองผ่านโรงแรมลำปางเวียงทอง วิ่งไปนิดเดียวถึงสี่แยกให้เลี้ยวขวา แล้ววิ่งตรงเรื่อยมาจนพบสี่แยกมีสัญญานไฟอีก ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสวนดอก วิ่งไปสัก ๕๐ เมตร ร้านรสนานาอยู่ทางซ้ายมือ ร้าน ๒ ห้อง มีป้ายเขียนด้วยตัวหนังสือว่าเชลล์ชวนชิม แต่ไม่มีสัญลักษณ์อะไรบอกไว้ ร้านนี้ขายมาตั้งแต่รุ่นเตี่ย สามสิบกว่าปีแล้ว อาหารชุดของเขาที่ว่าคือ
            ขาหมูพะโล้ หรือจะเอาคากิ ตีนหมูพะโล้ ก็สั่งเพิ่มมาอีกได้ น้ำพะโล้ เยี่ยม เนื้อนุ่ม มันน้อย
            ไส้กรอกไข่เค็ม จานนี้ยกให้เป็นเลิศ ไม่เคยกินที่ไหนมาก่อนเลย
            หมูผัดพริกน้ำมันหอย เป็ดพะโล้เนื้อนุ่ม เคี้ยวสนุกนัก และแกงจืดครบ ๕ อย่าง เรียกว่าไปนั่งร้าน ไม่พูด ไม่จาอะไร เขาถามอะไรก็ไม่พูด รับรองว่าเขายกอาหารใส่ถาดมาให้ ๕ จาน พร้อมข้าวสวยร้อน ๆ ครบคน

อินเทอร์เน็ต



อินเทอร์เน็ต (อังกฤษ: Internet) หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาด ใหญ่ ที่มีการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายหลายๆ เครือข่ายทั่วโลก โดยใช้ภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า โพรโทคอล (Protocol) ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ในหลายๆ ทาง อาทิเช่น อีเมล เว็บบอร์ด และสามารถสืบค้นข้อมูลและข่าวสารต่างๆ รวมทั้งคัดลอกแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมมาใช้ได้
อินเทอร์เน็ต (Internet) มาจากคำว่า Inter และ net
1. อินเทอร์ (Inter) คือ ระหว่าง หรือท่ามกลาง
2. เน็ต (Net) คือ เครือข่าย (Network)
 

ประวัติอินเทอร์เน็ต

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ความคิดเรื่องเครือข่ายคอมพิวเตอร์เครือข่ายเดียวที่สามารถให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ต่าง ระบบกันสามารถสื่อสารกันได้นั้นได้มีการพัฒนาผ่านขั้นตอนหลายขั้นตอนด้วยกัน การหลอมรวมกันของการพัฒนาเหล่านั้นได้นำไปสู่เครือข่ายของเครือข่ายทั้งหลาย ที่รู้จักกันในชื่อว่า อินเทอร์เน็ต การพัฒนาเหล่านั้นมีทั้งในแง่การพัฒนาเทคโนโลยี และการรวมโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่ายและระบบโทรคมนาคมที่มีอยู่เดิมเข้าด้วยกัน
ความคิดเรื่องนี้ในครั้งแรก ๆ ปรากฏขึ้นในปลายคริสต์ทศวรรษ 1950 หากแต่การนำแนวคิดเหล่านี้ไปปฏิบัติได้จริงนั้นเริ่มขึ้นในปลายคริสต์ทศวรรษ 1960 และ 1970 เมื่อถึงคริสต์ทศวรรษ 1980 เทคโนโลยีซึ่งนับได้ว่าเป็นพื้นฐานของอินเทอร์เน็ตสมัยใหม่นั้นได้เริ่มแพร่หลายออกไปทั่วโลก ในคริสต์ทศวรรษ 1990 การมาถึงของเวิลด์ไวด์เว็บได้ทำให้การใช้อินเทอร์เน็ตกลายเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป

ที่มา

อินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) จากการเกิดเครือข่าย ARPANET (Advanced Research Projects Agency NETwork) ซึ่งเป็นเครือข่ายสำนักงานโครงการวิจัยชั้นสูงของกระทรวงกลาโหม ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีวัตถุประสงค์หลักของการสร้างเครือข่ายคือ เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมต่อ และมีปฏิสัมพันธ์กันได้ เครือข่าย ARPANET ถือเป็นเครือข่ายเริ่มแรก ซึ่งต่อมาได้ถูกพัฒนาให้เป็นเครือข่าย อินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน

การประยุกต์ใช้งานอินเทอร์เน็ต

การประยุกต์ใช้อินเทอร์เน็ตในปัจจุบันทำได้หลากหลาย อาทิเช่น ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีเมล์ (e-Mail) , สนทนา (Chat), อ่านหรือแสดงความคิดเห็นในเว็บบอร์ด, การติดตามข่าวสาร, การสืบค้นข้อมูล / การค้นหาข้อมูล, การชม หรือซื้อสินค้าออนไลน์ , การดาวโหลด เกม เพลง ไฟล์ข้อมูล ฯลฯ, การติดตามข้อมูล ภาพยนตร์ รายการบันเทิงต่างๆ ออนไลน์, การเล่นเกมคอมพิวเตอร์ออนไลน์, การเรียนรู้ออนไลน์ (e-Learning), การประชุมทางไกลผ่านอินเทอร์เน็ต (Video Conference), โทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต (VoIP), การอับโหลดข้อมูล หรือ อื่นๆ
แนวโน้มล่าสุดของการใช้อินเทอร์เน็ตคือการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์เพื่อสร้างเครือข่ายสังคม ซึ่งพบว่าปัจจุบันเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมดังกล่าวกำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ไฮไฟฟ์ และการใช้เริ่มมีการแพร่ขยายเข้าไปสู่การใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ (Mobile Internet) มากขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีปัจจุบันสนับสนุนให้การเข้าถึงเครือข่ายผ่านโทรศัพท์มือ ถือทำได้ง่ายขึ้นมาก

จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก

ไฟล์:Worldint2008pie.png
สัดส่วนการผู้ใช้อินเทอร์เน็ตแยกตามทวีป, ที่มา: http://www.internetworldstats.com/stats.htm
ปัจจุบัน จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกโดยประมาณ 2.095 พันล้านคน หรือ 30.2 % ของประชากรทั่วโลก (ข้อมูล ณ เดือน มีนาคม 2554) โดยเมื่อเปรียบเทียบในทวีปต่างๆ พบว่าทวีปที่มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุดคือ เอเชีย โดยคิดเป็น 44.0 % ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมด และประเทศที่มีประชากรผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุดคือประเทศจีน คิดเป็นจำนวน 384 ล้านคน
หากเปรียบเทียบจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกับจำนวนประชากรรวม พบว่าทวีปอเมริกาเหนือมีสัดส่วนผู้ใช้ต่อประชากรสูงที่สุดคือ 78.3 % รองลงมาได้แก่ ทวีปออสเตรเลีย 60.1 % และ ทวีปยุโรป คิดเป็น 58.3 % ตามลำดับ

อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย

อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2530 โดยการเชื่อมต่อมินิคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ไปยังมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย แต่ในครั้งนั้นยังเป็นการ เชื่อมต่อโดยผ่านสายโทรศัพท์ ซึ่งสามารถส่งข้อมูลได้ช้าและไม่เป็นการถาวร จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2535 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ(NECTEC), มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เข้าด้วยกันเรียกว่า "เครือข่ายไทยสาร" (NECTEC) ได้ทำการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับมหาวิทยาลัย 6 แห่ง ได้แก่
การให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยได้เริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ เดือน มีนาคม พ.ศ. 2538 โดยความร่วมมือของรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง คือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย และสำนักงานส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยให้บริการในนาม บริษัท อินเทอร์เน็ต ประเทศไทย (Internet Thailand) เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์รายแรกของประเทศไทย 

จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย

จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงดังนี้ ปี 2534 (30คน) ปี 2535 (200 คน) ปี 2536 (8,000 คน) ปี 2537 (23,000 คน) ... ข้อมูลล่าสุดของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2551 จากจำนวนประชากรอายุ 6 ปีขึ้นไปประมาณ 59.97 ล้านคน พบว่า มีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ 16.99 ล้านคน คิดเป็น ร้อยละ 28.2 และมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 10.96 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 18.2 

อินเทอร์เน็ตแบนด์วิท

ปัจจุบัน (มกราคม 2553) ประเทศไทยมีความกว้างช่องสัญญาณ (Internet Bandwidth) ภายในประเทศ 110 Gbps และระหว่างประเทศ 110 Gbps 

การใช้อินเทอร์เน็ต

ในที่นี้เราจะคุยกันถึงเรื่องอินเตอร์เน็ต อินเตอร์เน็ตสามารถทำกำไรและสร้างความสนุกสนานให้แก่ธุรกิจได้อย่างไร ? นั่นเป็นคำถามที่ดี
อินเตอร์เน็ตเป็นเครือข่ายทางคอมพิวเตอร์ที่ใช้คู่สายโทรศัพท์เชื่อมต่อเพื่อสนทนากับผู้อื่น โดยการใช้โมเด็ม การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน และมีการรับ-ส่งข้อมูลถึงกัน ถ้าข้อมูลอยู่ในรูปที่เรียกว่า ภาษา HTML การแสดงผลลัพธ์บนหน้าจอเป็นกราฟฟิกพร้อมกับตัวอักษร ภาพ และ โครงสร้างอื่น ๆ โปรแกรมซอฟแวร์บราว์เซอร์จะอ่านและแปลภาษา HTML ( Netscape Communicator, Microsoft Explorer)
อินเตอร์ เน็ตเวบเพจ ได้แก่ การเชื่อมต่าง ๆ (links) โดยเฉพาะคำและวลี ซึ่งจะมีการโหลตไปยังเวบเพจอื่นๆ โดยอัตโนมัติ เช่น จาก เวบเพจ CNN คุณสามารถเลือกหัวเรื่อง และ links จะทำการโหลดให้เป็นเนื้อหาสาระทั้งหมด
แล้วยังไงต่อล่ะ
ลอง นึกภาพดูว่าหากชีวิตนี้ไม่มีโทรศัพท์ใช้ คุณไม่สามารถติดต่อผู้ขายหรือสั่งซื้อวัสดุ ลูกค้าไม่โทรมาสั่งซื้อสินค้า คุณไม่ได้พูดคุยโทรศัพท์กับเพื่อน คอมพิวเตอร์ก็มีการใช้งานโทรศัพท์ในลักษณะนี้ การใช้อินเตอร์เน็ต คุณสามารถสำรวจแหล่งวัตถุดิบ สั่งซื้อกับผู้ขาย ติดต่อเรื่องการขนส่ง แสดงสินค้าของคุณให้ปรากฏแก่สายตาลูกค้า รับใบสั่งซื้อ หรือแม้แต่การติดต่อกับธนาคารทางออนไลน์
แน่ นอน คุณสามารถทำธุรกิจของคุณได้แม้ว่าจะไม่มีโทรศัพท์หรืออินเตอร์เน็ต แต่การมีโทรศัพท์ใช้ หรือมีการติดต่อกับลูกค้าทางอินเตอร์เน็ต จะช่วยให้คุณขยายฐานลูกค้าออกไปได้มาก แม้ว่าคุณจะไม่ต้องการทำเวบไซต์ ลงรูปถ่าย หรือขายสินค้า แต่คุณก็สามารถให้อินเตอร์เน็ตเพื่อการค้นหาข้อมูลหรือซื้อสินค้าได้
นับ เป็นโชคดีที่คุณไม่จำเป็นต้องซื้อคอมพิวเตอร์หรือซอฟแวร์เพื่อที่จะมีอิน เตรอ์เน็ต ในชุมชนแทบทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นห้องสมุด มหาวิทยาลัย หรือหน่วยงานราชการ มักจะมีคอมพิวเตอร์และให้บริการอินเตอร์เน็ตแก่ชุมชน ชุมชนหลายแห่งมีอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ หรือ ร้านหนังสือที่มีการให้บริการอินเตอร์เน็ตโดยเสียค่าบริการเพียงนิดน่อย ชุมชนบางแห่งมีร้านถ่ายเอกสารซึ่งให้เช่าเครื่องคอมพิวเตอร์ ร้านคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ก็มักมีบริการเหล่านี้ ลองตรวจเช็คดูซิ
ง่าย ๆ เพียงเข้าไปที่ search แล้วตามด้วย enter เช่น เมื่อจะค้นหาเกี่ยวกับธุรกิจในบ้าน หรือ Home business บน Lycos คุณจะพบแคทตาล็อคอาชีพมากมาย 349 อาชีพ และหัวข้อกว่า 15,648,306 หัวข้อ อ่านเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการค้นหาข้อมูลทาง search tip เพื่อการค้นหาของคุณจะตรงเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
การจัดทำเว็บไซต์
เอา ล่ะ บางทีคุณอาจจะยังสงสัยเกี่ยวโลกของเว็บไซต์ หรือ www. และคุณก็ตัดสินใจได้แล้วว่าคุณจะขายสินค้าหรือบริการอะไรทางอินเตอร์เน็ต คุณจะเริ่มต้นธุรกิจอย่างไรดี
ประการ แรก ในฐานะลูกค้าทางอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นการใช้อินเตอร์เน็ตจากห้องสมุด หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ของเพื่อน หรือในที่ทำงาน หรือคอมพิวเตอร์ของคุณเอง ก็ตาม ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณมีโมเด็ม คุณสามารถติดต่อผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต หรือ ISP ซึ่งให้บริการอินเตอร์เน็ตในลักษณะที่เหมือนกับการใช้บริการโทรศัพท์ท้อง ถิ่น ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไป แต่โดยทั่วไปก็จะประมาณ ไม่กี่ร้อยบาทต่อเดือน
คุณ เริ่มต้นมองหาธุรกิจแบบที่ทำในบ้าน หรือ home business ที่ปรากฎอยู่แล้วทางออนไลน์ ซึ่งจะทำให้คุณทราบอย่างรวดเร็วว่าใครทำอะไร และ อย่างไร โปรดสังเกต ขอให้ทำการ save ที่อยู่ของ URL (uniform resource locator) เช่น www.careerpress.com โดยใช้ bookmark ในโปรแกรมบราว์เซอร์
คำ ศัพท์ทางเทคนิค The URL www.careerpress.com เช่น ชื่อ : careerpress.com คุณจะตั้งชื่อสักหนึ่งชื่อให้ตัวเองได้อย่างไร บางทีคุณอาจอยากใช้คำว่า superduperhomebusiness.com จากนั้นลูกค้าอาจจะเข้าไปที่ชื่อในบราว์เซอร์และเข้าไปที่เว็บไซต์ใหม่ของ คุณอย่างรวดเร็ว มีธุรกิจหลายประเภทมากที่เสนอให้มีการลงทะเบียนชื่อ จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดคือ ที่ ISP ซึ่งสามารถตรวจรายชื่อ ให้คำแนะนำ และ แสดงให้คุณทราบถึงวิธีการลงทะเบียนจนกว่าคุณจะพร้อมใช้งาน
ตาม ความเป็นจริง ISP อาจมีแพ็คเก็จต่าง ๆ กันซึ่งเหมาะสำหรับบุคคลและธุรกิจขนาดเล็ก เช่น web hosting , storage, e-mail addresses และ บริการอื่น ๆ
แล้ว เราจะซื้อของทางอินเตอร์เน็ตได้อย่างไร เราสามารถทำได้โดยผ่าน “secure servers” Server คือคอมพิวเตอร์ที่เปิดใช้งานตลอดเวลา และ สามารถทำงานผ่านอินเตอร์เน็ต ส่วน secure server หมายถึงซอฟแวร์ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ เช่น บัตรเครดิต และตัวเลข สินค้าและบริการนับร้อยล้านบาทมีการขายผ่านอินเตอร์เน็ตทุกปี และ การฉ้อโกงจะน้อยกว่าการซื้อขายแบบทั่วไป
เมื่อ คุณเลือก ISP เพื่อจะขายสินค้าหรือบริการได้แล้ว คุณจะต้องมี secure server และ ซอฟแวร์ที่เหมาะสมมาใช้งานด้วย ISP หลายแห่งมีแพ็คเก็จสำเร็จรูปที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการขายสินค้าทาง อินเตอร์เน็ต คุณสามารถหาซื้อได้ หรือขอให้ผู้ทำสัญญาออกแบบเว็บไซต์ให้คุณ เพื่อที่คุณจะรับใบสั่งซื้อจากลูกค้าได้ และ มีการโอนเงินเขาบัญชีธนาคารโดยอัตโนมัติ ทำไดจริงหรือนั่น !!!
ความ รู้คืออำนาจ ถ้าคุณไม่เคยมีประสบการณ์การซื้อขายสินค้าหรือบริการทางอินเตอร์เน็ต ขอให้คุณใช้เวลาเรียนรู้หรืออาจจ้างคนมาช่วยคุณทำงาน อาจจะจ้างผู้รับเหมาหรือผู้ให้บริการมาช่วยคุณ นั่นคือวิธีที่รวดเร็วที่สุด ซึ่งคุณก็ต้องจ่ายราคาที่แพงมากด้วยเช่นกัน เป็นไปได้ก็น่าจะลองทำด้วยตัวคุณเอง ด้วยการหาหนังสือเกี่ยวกับการจัดทำเว็บไซต์ทางอินเตอร์เน็ตมาอ่านและศึกษา ด้วยตัวเอง
ทาง เลือกสำหรับกรณีนี้คือ การเชื่อมโยงธุรกิจของคุณร่วมกับการจัดทำตลาดสินค้าทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งจะประหยัดเงินได้มากกว่าการไปทำคนเดียว แต่คุณจะต้องระมัดระวังเรื่องข้อตกลงและการจ่ายเงิน หุ้นส่วนของคุณอาจช่วยทำธุรกิจให้ง่ายขึ้นเป็นสองเท่า หรือ เพิ่มความยุ่งยากเป็นสองเท่าก็ได้หากไม่ระมัดระวัง
ขอ ให้เรามาดูตัวอย่างเว็บไซต์ธุรกิจในบ้านว่า สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นได้อย่างไร ลูกค้าใช้ search engine ( เช่น Yahoo, Looksmart, etc.) เพื่อค้นหาคำว่า “Dan Ramsey” ทำการค้นหาพบคำ 520 รายการบนเว็บไซต์ ซึ่งเรียงลำดับตามจำนวนคำมากน้อยที่ปรากฎ คำที่ปรากฎมากที่สุดคือ “Mulligan Press” ดังนั้น ลูกค้าจึงเลือกคลิกเม้าส์อันโนมัตไปที่ www.mulliganpress.com
ใน เว็บไซต์ Mulligan Press จะมี บทนำ รายละเอียด รูปภาพสินค้า ราคา และ ข้อมูลการสั่งซื้อ การเลือกหนังสือพิเศษสักเล่มหนึ่ง เว็บเพ็จใหม่จะปรากฎพร้อมกับภาพพวงกุญแจที่ตอนบนของหน้ากระดาษซึ่งแสดงถึง secure page ลูกค้าจะเข้าไปในส่วนที่เป็นที่อยู่ของการจัดส่งสินค้า หมายเลขบัตรเครดิต และ วันที่หมดอายุ และ เลือก คำสัง “ สั่งซื้อสินค้า ”
ข้อมูล เกี่ยวกับบัตรเครดิต จะถูกส่งไปถึงบริษัทตัวแทนบัตรเครดิต บริษัทจะตรวจสอบและให้คำตอบยอมรับหรือปฏิเสธบัตรเครดิตนั้นภายในไม่กี่ วินาที และเมื่อมีการสั่งซื้อเกิดขึ้นแล้ว คำว่า “ ขอบคุณที่สั่งซื้อสินค้า ” ก็จะปรากฎให้เห็น
ส่วน ใหญ่แล้ว การยืนยันการสั่งซื้อจะส่งเป็นข้อความไปให้แก่ลูกค้า ทางอีเมลล์โดยอัตโนมัติภายในไม่กี่นาที เพื่อยืนยันสินค้าที่ซื้อ ราคา และ และ บริการ ที่มีการสั่งซื้อ
แน่ นอนว่า มีรายละเอียดอยู่ไม่น้อยเหมือนกันเมื่อจะทำเว็บเซต์เพื่อขายสินค้าและบริการ นั่นคือเหตุผล ที่คุณจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจาก ISP หรือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการขายเว็บไซต์
เว็บ ไซต์ สามารถสร้างรายได้ใช่หรือไม่ นั่นขึ้นอยู่กับเหตุผลด้วย ข้อดีของเว็บไซต์สำหรับการขายสินค้าหรือบริการ คือ คุณสามารถขายสินค้าให้แก่ลูกค้าได้นับล้านทางอินเตอร์เน็ต อย่างไรก็ดี สิ่งนี้ต้องใช้ทักษะด้านทางคอมพิวเตอร์และด้านธุรกิจอยู่ด้วย และ ต้องใช้เงินอยู่เป็นจำนวนมากพอสมควร มากกว่าการแค่จัดขายสินค้าและมีลูกค้ามาเดินชมสินค้า การจัดทำเว็บไซต์จึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ก็สามารถทำได้ ธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมากดำเนินธุรกิจทางอินเตอร์เน็ต คุณก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
จัดทำบัญชีผ่านอีเมลล์
อี เมลล์ หรือจดหมายอิเล็คทรอนิคส์ บางทีเหตุผลหลักของการที่คนใช้อินเตอร์เน็ต ก็มาจากอีเมลล์ นั่นเอง คุณสามารถส่งอีเมลล์ให้แก่ลูกค้า เพื่อน ผู้ขาย และ ใครก็ตามได้ทั่วโลก ที่อยู่อีเมลล์ก็จำได้ง่าย จะมีเครื่องหมาย @ เช่น dan@mulliganpress.comอีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้
คุณ สามารถสั่งซื้อ บัญชีอีเมลล์ (e-mail account) ได้จาก ISP เ ช่น American Online (AOL) e-mail account แบบไม่ต้องเสียเงินก็มีซึ่งคุณสามารถหาได้จาก www.hotmail.com โฆษณาของฮอทเมลล์จะปรากฎด้านล่างของทุก ๆ ข้อความที่คุณส่ง เทคโนโลยี่อื่น ๆ ที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่คุณ
เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์มีประโยชน์ต่อธุรกิจที่ทำที่บ้าน คอมแพ็คดิสก์ หรือ ซีดี ถูกนำมาใช้เพื่อเก็บข้อมูลและ แสดงข้อมูล ซึ่งข้อมูลอาจเป็นคอร์สฝึกอบรมระบบมัลติมีเดียเกี่ยวกับการใช้ซอฟแวร์ใหม่ ๆ ซีดี สามารถบรรจุข้อมูลที่เป็นเนื้อหาสาระทั้งหมดของหนังสือ หรือ เป็นซีดีเพลง เทคโนโลยี่อีกตัวหนึ่ง คือ เทคโนโลยี่ภาพถ่าย ซึ่งต้องใช้ในแสง และเคมีเพื่อบันทึกลงบนกระดาษที่มีความจำเพราะพิเศษ ภาพนั้นจะถูกอ่านและพริ้นออกมา
นอก เหนือจากความบันเทิงแล้ว คุณสามารถแก้ไขภาพถ่ายสินค้าและกระบวนการต่าง ๆ ทางคอมพิวเตอร์ได้ สามารถพริ้น และ อัพโหลตทางอินเตอร์เน็ต สามารถนำภาพถ่ายโปรเจ็คล่าสุดของคุณมาปรากฎสู่สายตาชาวโลกทางอินเตอร์เน็ต ได้ ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที น่าอัศจรรย์ !
มี แอปพลิเคชั่นมากมายสำหรับเทคโนโลยีภาพถ่าย แต่ก็จำเป็นต้องใช้เครื่องมือใหม่ ๆ ด้วย เช่น กล้องดิจิตอล ซึ่งมีอยู่หลายราคา คุณภาพของกล้อง ซึ่งประเมินได้จาก การทำงานและ ความละเอียดจำนวนจุดต่อนิ้ว เช่น กล้องทั่ว ๆ ไป มีความละเอียดของจุด 640 x 480 dpi กล้องคุณภาพปานกลาง มีความละเอียด 1280 x 960 dpi และ กล้องคุณภาพสูง มีความละเอียด 1712 x 1368 dpi
ถ้า ภาพถ่ายดิจิตอลเหล่านี้เป็นที่ถูกอกถูกใจคุณ จงเริ่มต้นเรียนรู้จักมัน แวะไปร้านคอมพิวเตอร์ และ ร้านถ่ายรูปบ้าง เพื่อพูดคุยแสดงความคิดเห็น ความต้องการ และ งบประมาณที่คุณมี คุณจะเรียนรู้ทันทีถึงสิ่งที่จำเป็นสำหรับการทำงาน
เท คโนโลยี่ จะเปิดประตูให้แก่คุณเพื่อทำธุรกิจ ยิ่งศตวรรษใหม่นี้ เทคโนโลยี่นับว่าน่าสนใจมาก ซึ่งเสนอโอกาสเพื่อสร้างกำไรก้อนใหญ่ให้แก่คุณ
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%87%E0%B8%95

ทวีปยุโรป (Eruope)

ทวีปยุโรป (Eruope)



สาระสำคัญ

                ยุโรปเป็นทวีปที่มีพื้นที่ทั้งหมดอยู่ในซีกโลกเหนือ มีชายฝั่งทะเลที่เว้าแหว่งมาก ทำให้ได้รับอิทธิพลทะเลเกือบทั้งหมด จึงเป็นทวีปที่ไม่มีลักษณะแห้งแล้งแบบทะเลทราย ความเหมาะสมของภูมิอากาศประกอบกับความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรและความขยันหมั่นเพียรของประชากร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวผิวขาว ทำให้ยุโรปเป็นทวีปที่มีความเจริญก้าวหน้าทางด้ายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคมวัฒนธรรมยุคใหม่

ลักษณะทั่วไป

                คำว่า “ยุโรป” เชื่อว่ามาจากภาษาแอสซีเรียนว่า “เอเรบ” (Ereb) หมายถึง ดินแดนแห่งดวงอาทิตย์ตก ซึ่งเป็นภาษาโบราณของชาวเอเชียตะวันตกเฉียงใต้
                ยุโรป เป็นทวีปที่มีขนาดเล็กเป็นอันดับ 2 รองจากทวีปออสเตรเลีย เป็นทวีปที่มีพื้นแผ่นดินติดต่อเป็นผืนเดียวกับทวีปเอเชีย คล้ายเป็นคาบสมุทรหนึ่งของทวีปเอเชีย จึงมีชื่อเรียกรวมกันว่า ยูเรเชีย (
Eruasia)
                ยุโรปเป็นทวีปที่อยู่ในซีกโลกเหนือค่อนไปทางขั้วโลกเหนือ ไม่มีดินแดนส่วนใดอยู่ใต้เส้นทรอปิกออฟแคนเซอร์   มีโครงสร้างทางธรณีวิทยาของเปลือกโลกตั้งแต่ยุคหินเก่าแก่ที่สุด ได้แก่ บอลติกชีลด์ (
Baltic Shield) เทือกเขาเชอเลน จนถึงหินยุคใหม่ที่สุด คือ เขตเทือกเขาทางตอนใต้ เช่น เทือกเขาพีเรนีส, เทือกเขาแอลป์, เทือกเขาแอปเพนไนน์ในคาบสมุทรอิตาลี, เทือกเขาไดนาริกแอลป์ , เทือกเขาคาร์เปเทียนในคาบสมุทรบอลข่าน

ที่ตั้งและขนาดพื้นที่

                ยุโรปตั้งอยู่ในซีกโลกเหนือค่อนไปทางขั้วโลกเหนือ ระหว่างประมาณละติจูด 36-71 องศาเหนือ กับลองจิจูด 9 องศาตะวันตก ถึง 66 องศาตะวันออก มีพื้นที่ประมาณ 10 ล้านตารางกิโลเมตร โดยมีประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือ รัสเซีย (17,134,678 ตารางกิโลเมตร) และประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุด คือ ซานมารีโน (61 ตารางกิโลเมตร) ยกเว้นนครวาติกัน มีพื้นที่ 0.44 ตารางกิโลเมตร)

อาณาเขต

                1.ทิศเหนือ ติดต่อกับมหาสมุทรอาร์กติก และน่านน้ำทางตอนเหนือ ได้แก่ ทะเลขาว ,ทะเลคารา, ทะเลแบเรนต์ส ซึ่งเป็นเขตที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจน้อยมาก เพราะในฤดูหนาวมีน้ำแข็งปกคลุมใช้เดินเรือไม่ได้ มีคาบสมุทรที่สำคัญ คือ คาบสมุทรสแกนดิเนเวีย, คาบสมุทรจัตแลนด์, คาบสมุทรโคลา
                2.ทิศตะวันออก ติดต่อกับทวีปเอเชีย โดยมีเทือกเขาอูราล, แม่น้ำอูราล, ทะเลสาบแคสเปียน แบ่งยุโรปกับเอเชียออกจากกัน
                3.ทิศใต้ติดต่อกับทวีปเอเชีย โดยมีเทือกเขาคอเคซัส และทะเลดำ, ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน คั่นระหว่างทวีปยุโรปกับแอฟริกา มีคาบสมุทรและช่องแคบที่สำคัญคือ คาบสมุทรไอบีเรีย, คาบสมุทรอิตาลี, คาบสมุทรบอกข่าน, คาบสมุทรไครเมีย, ช่องแคบยิบรอลตา, ช่องแคบบอสฟอรัส, ช่องแคบดาร์ดะเนลส์ มีเกาะที่สำคัญคือ เกาะชิชิลี, เกาะซาร์ดิเนีย, เกาะคอสตาริกา, เกาะคริตและเกาะไซปรัส
                4.ทิศตะวันตก ติดต่อกับมหาสมุทรแอตแลนติก มีทะเลที่สำคัญ คือ ทะเลเหนือ ทะเลนอร์วีเจียน, อ่าวบิสเคย์ มีเกาะที่สำคัญ คือ เกาะบริเตนใหญ่, เกาะไอร์แลนด์, เกาะไอซ์แลนด์

ทวีปยุโรป แบ่งออกเป็น 4 ภูมิภาค

                1.ยุโรปเหนือ ได้แก่ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน   เอสโทเนีย แลตเวียและลิธัวเนีย
                2.ยุโรปตะวันตก ได้แก่ ออสเตรีย เบลเยียม ฝรั่งเศส เยอรมนี ลิกเตนสไตน์ ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร
                3.ยุโรปตะวันออก ได้แก่ เบลารุส บัลแกเรีย สาธารณรัฐเช็ก ฮังการี มอลโดวา โปแลนด์ โรมาเนีย สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และ ยูเครน
                4.ยุโรปใต้ ได้แก่ แอลเบเนีย อันเดอร์รา บอสเนีย-เฮอร์เซโกวินา โครเอเชีย กรีซ อิตาลี แมซิโดเนีย มอลตา โปรตุเกส ซานมารีโน สโลวีเนีย สเปน และยูโกสลาเวีย
                5.ดินแดนที่เป็นรัฐอิสระที่ตั้งอยู่ในประเทศอื่นอีก 2 รัฐ คือ นครรัฐวาติกา ตั้งอยู่ในกรุงโรมประเทศอิตาลี และโมนาโก ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในประเทศฝรั่งเศสใกล้พรมแดนอิตาลี)

ลักษณะภูมิประเทศ แบ่งออกเป็น 4 เขต

1. เขตหินเก่าทางตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย

                - เทือกเขาที่มีอายุเก่าแก่ ซึ่งถูกธารน้ำแข็งกัดเซาะจนสึกกร่อนจนมีความสูงไม่มากนักได้แก่ เทือกเขาเชอเลน ในคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย และเทือกเขาแกรมเพียนในสกอตแลนด์
                - ชายฝั่งทะเลมีลักษณะเว้าแหว่งเป็นอ่าวขนาดเล็กที่มีน้ำลึก เรียกว่า “ฟยอร์ด”
(Fjord) บริเวณชายฝั่งของนอร์เวย์และสกอตแลนด์

2.เขตที่ราบใหญ่ภาคกลาง

                เป็นที่ราบขนาดใหญ่ที่สุดของโรป ตั้งแต่พื้นที่ทางตอนใต้ของสหราชอาณาจักร ผ่านทางตะวันตกของฝรั่งเศส เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก ภาคเหนือของเยอรมนี โปร์แลนด์ ลิทัวเนีย ลัตเวีย เอสโตเนีย ฟินแลนด์ และพื้นที่ส่วนใหญ่ของรัสเซีย
                    - มีความสำคัญทางเศรษฐกิจมากที่สุดของยุโรป มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น
                    - มีแม่น้ำสำคัญไหลผ่าน ได้แก่ แม่น้ำเซน แม่น้ำไรน์ แม่น้ำเอลเบ แม่น้ำโอเดอร์และแม่น้ำวิสทูลา
                    - ทางตอนเหนือบริเวณรอบๆ ฝั่งทะเลบอลติก เป็นเขตที่มีโครงสร้างของหินเปลือกโลกเก่าแก่ที่สุด เรียกว่า บอลติกชีลด์ ในประเทศสวีเดน ฟินแลนด์ และบางส่วนของนอร์เวย์

3. เขตที่ราบสูงภาคกลาง

                 เกิดจากการสึกกร่อนพังทลายของภูเขาจนกลายเป็นที่ราบสูง ได้แก่ ที่ราบสูงเมเซตา ทางตอนกลางของคาบสมุทรไอบีเรีย ที่ราบสูงตอนกลางของฝรั่งเศส เรียกว่า มัสซิฟซองตรัล (Massif Central) ที่ราบสูงทางตอนกลางและตอนใต้ของเยอรมนี เรียกว่า แบล็กฟอรเรสต์ (Black Forest) และที่ราบสูงโบฮีเมีย (Bohenia) ระหว่างพรมแดนเยอรมนีกับสาธารณรัฐเช็กกับสาธารณารัฐสโลวัก

4. เขตภูเขาหินใหม่ทางภาคใต้

                เป็นเขตที่เกิดจากการโก่งตัวของหินเปลือกโลกจนกลายเป็นเทือกเขาสูงขนาดใหญ่ เป็นเขตยังมีแผ่นดินไหว ภูเขาระเบิด ได้แก่
                        - เทือกเขาพีเรนีส ระหว่างฝรั่งเศสกับสเปน
                        - เทือกเขาแอลป์ในฝรั่งเศส ผ่านสวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี ออสเตรีย ภาคเหนือของสโลวีเนีย มียอดเขาสูงที่สุด คือ ยอดเขามองต์บลังค์
(Mont Blanc) สูง 4,810 เมตร) อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส
                        - เทือกเขาแอปเพนไนน์ ในคาบสมุทรอิตาลี
                        - เทือกเขาไดนาริกแอลป์ ในคาบสมุทรบอลข่าน
                        - เทือกเขาคาร์เปเทียน ในรัฐเช็ก รัฐสโลวัก โปร์แลนด์ โรมาเนีย ฮังการี ยูเครน
                        - เทือกเขาคอเคซัส ในรัสเซีย มียอดเขาสูงที่สุดในยุโรป ชื่อ ยอดเขาเอลบูรส (5,642 เมตร)

ลักษณะภูมิอากาศ มีปัจจัยที่ควบคุมภูมิอากาศ ดังนี้

                1.ที่ตั้ง อยู่ในเขตละติจูดกลางและสูง ทำให้มีอากาศอบอุ่นและบางส่วนอยู่ในเขตหนาว
                2.ลักษณะมีชายฝั่งที่ยาว มีอ่าว มีแหลมและคาบสมุทรมาก ทำให้ได้รับอิทธิพลความชื้นจากทะเลและมหาสมุทรอย่างทั่วถึง
                3.ลักษณะของเทือกเขาวางตัวอยู่ในแนวตะวันออก-ตะวันตก ทำให้ไม่ขวางกั้นอิทธิพลจากลมที่พัดมาจากมหาสมุทรแอตแลนติก
                4.กระแสน้ำไหลทางตะวันตกเฉียงเหนือ คือ เกาะบริเตนใหญ่ เกาะไอร์เแลนด์ นอร์เวย์ ทำให้มีอากาศไม่หนาวจัด คือ กระแสน้ำอุ่นแอตแลนติกเหนือ ซึ่งเป็นกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมที่ไหลผ่านมหาสมุทรแอตแลนติก
                5.ลมประจำปี ที่นำความชื้นจากมหาสมุทรแอตแลนติกมาสู่ยุโรป คือ ลมประจำตะวันตก

เขตอากาศในยุโรป แบ่งออกเป็น 7 เขต คือ

                1.เขตอากาศแบบทุ่งหญ้ากึ่งทะเลทรายแถบอบอุ่น (Middle Latitude Desert and Steppe Climate) มีลักษณะอากาศค่อนข้างแห้งแล้ง
                    - พืชพรรณธรรมชาติ เป็นทุ่งหญ้าสั้นๆ เรียกว่า ทุ่งหญ้าสเตปป์
(Steppe) พบทางตอนกลางของคาบสมุทรไอบีเรีย ตอนเหนือของทะเลดำและทะเลสาลแคสเปียนในประเทศฮังการี โรมาเนีย ยูเครนและตอนใต้ของรัสเซีย โดยเฉพาะยูเครนเป็นเขตที่มีแหล่งดินดี เป็นเขตเพราะปลูกข้าวสาลีที่สำคัญของยุโรป
                2.เขตอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน
(Mediterranean Climate) มีลักษณะอากาศร้อนในฤดูร้อน อากาศอบอุ่นชื้นในฤดูหนาว เพราะได้รับอิทธิพลจากลมประจำตะวันตก
                    - พืชพรรณธรรมชาติ ได้แก่ ไม้คอร์ก ไม้โอ๊ก และไม้พุ่มมีหนามที่มีใบแหลมเรียวเล็กเปลือกหนา พบในประเทศอิตาลี ภาคใต้ของสเปน-ฝรั่งเศส และคาบสมุทรบอลข่านที่ติดกับชายฝั่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
                3.เขตอากาศอบอุ่นชื้น
(Humid Subtropical Climate) มีลักษณะอากาศค่อนข้างร้อนในฤดูร้อนชื้น ฤดูหนาวมีอากาศหนาวถึงหนาวเย็น
                    - พืชพรรณธรรมชาติ เป็นป่าไม้ผลัดใบและป่าผสม พบทางตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรป ตอนเหนือและตอนกลางของคาบสมุทรบอลข่าน
                4.เขตอากาศอบอุ่นชื้นภาคพื้นทวีป
(Humid Continental Climate) มีลักษณะอากาศอบอุ่นในฤดูร้อน และอากาศหนาวในฤดูหนาวมีระยะเวลานาน
                    - พืชพรรณธรรมชาติ เป็นป่าไม้ผสม คือ ป่าไม้สนกับป่าไม้ผลัดใบ พบในพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนกลางของภาคตะวันออกของรัสเซีย        
                 5.เขตอากาศภาคพื้นสมุทรชายฝั่งตะวันตก
(Marine Westcoast Climate) มีลักษณะอากาศอบอุ่นชื้นตลอดปี เพราะได้รับอิทธิพลจากลมประจำตะวันตกและกระแสน้ำอุ่นแอตแลนติกเหนือ
                    - พืชพรรณธรรมชาติ เป็นป่าผสม พบในประเทศสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม ตอนเหนือของเยอรมนี
                6.เขตอากาศแบบกึ่งขั้วโลก
(Subarctic Climate) มีลักษณะอากาศหนาวเย็นตลอดปีเรียกอีกอย่างหนึ่ง อากาศแบบไทก้า (Taiga Climate)
                    - พืชพรรณธรรมชาติ คือป่าสนล้วนๆ เรียกว่า ป่าไทก้า พบในประเทศนอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ รัสเซีย
                7.เขตอากาศแบบขั้วโลก
(Arctic Climate)หรือ ทุนดร (Tundra Climate) มีลักษณะอากาศหนาวจัดตลอดปี มีเดือนใดเลยที่มีอุณหภูมิสูงเกิน 10 องศาเซลเซียส
                    - พืชพรรณธรรมชาติ เป็นพวกมอสส์ สาหร่าย ตระไคร่น้ำ พบในบริเวณชายฝั่งภาคเหนือของคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย และชายฝั่งมหาสมุทรอาร์กติกของรัสเซีย

ลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรม

ประชากร ประชากรของทวีปยุโรปประกอบด้วยหลายเชื้อชาติ หลายภาษา
                1. เชื้อชาติ เป็นกลุ่มผิวขาว แบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม
                    1.1 กลุ่มดอร์ดิก เป็นกลุ่มคนผิวขาวที่อาศัยอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของยุโรป โดยเฉพาะประเทศรอบๆ ทะเลเหนือ มีรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีทอง นัยน์ตาสีฟ้า กะโหลกศีรษะยาว
                    1.2 กลุ่มเมดิเตอร์เรเนียน เป็นกลุ่มคนผิวขาวที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของยุโรป มีรูปร่างเล็ก ผิวคล้ำ ผมดำ นัยน์ตาสีฟ้า กะโหลกศีรษะกลม
                    1.3 กลุ่มแอลไพน์ เป็นกลุ่มคนผิวขาวในยุโรปตะวันออกและยุโรปกลาง มีรูปร่างเตี้ย ล่ำ ผมสีน้ำตาล กะโหลกศีรษะกลม
                2. ภาษา ภาษาในทวีปยุโรปเป็นตระกูลภาษาอินโด-ยูโรเปียน  แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม
                    2.1 กลุ่มภาษาเยอร์มานิก เป็นภาษาของประชากรในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย เนเธอร์แลนด์  เยอรมนี  ออสเตรีย ไอร์แลนด์  สหราชอาณาจักร บางส่วนของสวิตเซอร์แลนด์และเบลเยียม
                    2.2 กลุ่มภาษาโรแมนซ์ หรือภาษาละติน  เป็นภาษาของประชากรในประเทศอิตาลี  สเปน  ฝรั่งเศส  โปรตุเกส  โรมาเนีย
                    2.3 กลุ่มภาษาสลาวิก เป็นกลุ่มของประชากรในประเทศตอนกลางและตะวันออกของยุโรป คาบสมุทรบอลข่าน  ลัตเวีย  ลิทัวเนีย  เบลารุส มอลโดวา  ยูเครน  รัสเซีย
                3. ศาสนา ชาวยุโรปนับถือศาสนาคริสต์ มี 3 นิกาย
                    3.1 นิกายโรมันคาทอลิก เป็นศาสนาของกลุ่มประชากรผู้ใช้ภาษาโรแมนซ์หรือภาษาละติน ยกเว้นโรมาเนีย ประชากรนับถือนิกายออร์โธดอกซ์ ประชากรกลุ่มภาษาอื่น  เช่น  ไอร์แลนด์  เบลเยียม  เนเธอร์แลนด์  ออสเตรีย  เช็ก  สโลวัก ฯลฯ
                    3.2 นิกายโปรเตสแตนต์ เป็นศาสนาของกลุ่มประชากรในกลุ่มสแกนดิเนเวีย  ฟินแลนด์  เอสโตเนีย  ลัตเวีย เยอรมนี สหราชอาณาจักร
                    3.3 นิกายออร์โธดอกซ์ เป็นศาสนาของประชากรในประเทศคาบสมุทรบอลข่านและยุโรปตะวันออก เช่น กรีซ บัลแกเรีย มาซิโดเนีย ยูโกสลาเวีย  โรมาเนีย  รัสเซีย  ยูเครน ฯลฯ
                4. การศึกษา ยุโรปเป็นทวีปที่ประชากรมีการศึกษาดีกว่าทุกทวีป มีมหาวิทยาลัยที่จัดขึ้นอย่างเป็นระบบเมื่อประมาณ 700-800 ปี  เช่น มหาวิทยาลัยโบโลนญาในอิตาลี  มหาวิทยาลัยปารีสในฝรั่งเศส  มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดและเคมบริดจ์ในอังกฤษ
                5. การกระจายและความหนาแน่นของประชากร   ยุโรปมีประชากรทั้งหมดประมาณ 728 ล้านคน (พ.ศ. 2541) มีจำนวนประชากรมากเป็นลำดับที่ 3 ของโลกรองจากเอเชียและแอฟริกา มีอัตราความหนาแน่นของประชากรเฉลี่ยประมาณ 31.6 คนต่อตารางกิโลเมตร มากเป็นอันดับที่ 2  รองจากเอเชีย
                    บริเวณที่มีประชากรหนาแน่น คือ บริเวณภาคกลางและภาคตะวันตกของทวีป เพราะเป็นเขตอุตสาหกรรม อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธาตุ ได้แก่ ถ่านหินและเหล็ก มีพื้นดินอุดมสมบูรณ์ มีภูมิอากาศเหมะสมแก่การเกษตรกรรม และตอนเหนือของอิตาลี เขตทะเลสาบในสวีเดน ภาคตะวันตกของคาบสมุทรไอบีเรีย
                    บริเวณที่มีประชากรเบาบาง คือ บริเวณคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ฟินแลนด์และตอนเหนือสุดของทวีป ภาคตะวันออก ภาคกลางและภาคใต้ที่เป็นเขตเทือกเขา

อาชีพและทรัพยากร

            1. การเพาะปลูก เขตเพาะปลูกอยู่ในยุโรปตะวันตก ภาคตะวันออกและภาคใต้ของอังกฤษ ภาคเหนือและภาคตะวันตกของฝรั่งเศส ตอนเหนือของเยอรมนี  ยูเครน  พืชที่สำคัญคือ
                    - ข้าวสาลี ปลูกได้มากที่สุดคือ  ยูเครน  รองลงไปคือ  ฝรั่งเศส  อิตาลี  สเปน  โรมาเนีย  บัลแกเรีย  เยอรมนี  ฮังการี
                    - ข้าวโอ๊ต  ข้าวบาร์เลย์  ข้าวไรย์  ถั่ว  มันฝรั่ง  ปลูกได้โดยทั่วไป
                    - องุ่น ส้ม มะกอก มะนาว แอปเปิลและผลไม้ชนิดต่างๆ ปลูกได้มากเขตอากาศแบบเมดิเตอร์เนียน ได้แก่ประเทศอิตาลี ฝรั่งเศส สเปน กรีซ
                    - ต้นแฟล็กซ์ ใช้ใบทำป่านลินิน ปลูกมากในโปแลนด์  เบลเยียม  ไอร์แลนด์
            2. การเลี้ยงสัตว์ เลี้ยงไปตามลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศ
                    - เขตทุนดรา มีการเลี้ยงกวางเรนเดียร์
                    - เขตทุ่งหญ้าสเตปป์ มีการเลี้ยงโคเนื้อ แพะ แกะ ม้า
                    - เขตเมดิเตอร์เรเนียน มีการเลี้ยงโคเนื้อ และแกะ
                    - เขตภูเขาสูง และที่ราบสูง มีการเลี้ยงโคเนื้อ  โคนม  แกะ
                    - เขตอบอุ่นชื้นตอนเหนือของคาบสมุทรบอลข่าน  มีการเลี้ยงสุกรด้วยข้าวโพด
                    - เขตภาคพื้นสมุทรชายฝั่งตะวันตก  มีการทำฟาร์มโคนม
                3. การทำป่าไม้ พบมากในประเทศฟินแลนด์ สวีเดน รัสเซีย นอร์เวย์ ในบริเวณป่าสน ซึ่งเป็นไม้เนื้ออ่อน นำมาผลิตเป็นเยื่อกระดาษ
                4. การประมง แหล่งประมงที่สำคัญ ได้แก่
                    - ทะเลเหนือ โดยเฉพาะบริเวณที่กระแสน้ำอุ่นแอตแลนติกเหนือบรรจบกับกระแสน้ำเย็นกรีนแลนด์ตะวันออก เกิดเป็นแหล่งที่มีปลาชุกชุมมากแห่งหนึ่งของโลกเรียกว่า  ดอกเกอร์แบงก์  ประเทศที่จับปลาได้มาก  สหราชาอาณาจักร  ไอซ์แลนด์  นอร์เวย์
                    - บริเวณอ่าวบิสเคย์จนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยเฉพาะบริเวณทะเลดำ ทะเลสาบแคสเปียนและแม่น้ำโวลกา มีการจับปลาสเตอร์เจียน มาทำเป็นไข่ปลาคาร์วียร์
                5. การทำเหมืองแร่ ยุโรปเป็นทวีปที่มีแร่เหล็กและถ่านหินอุดมสมบูรณ์
                    5.1 ถ่านหิน แหล่งสำคัญอยู่ทางภาคเหนือของสหราชอาณาจักร ภาคกลางของเบลเยียม  ลุ่มแม่น้ำรูห์ของเยอรมนี ภาคใต้ของโปแลนด์ ภาคเหนือของเช็ก  สโลวัก  ยูเครน  ไซบีเรียของรัสเซีย
                    5.2 เหล็ก แหล่งสำคัญคือ
                            - แหล่งคิรูนาและเยลีวาร์ทางตอนเหนือของสวีเดน
                            - แหล่งคริวอยร็อกในยูเครน
                            - แหล่งลอเรนซ์ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส
                    5.3 น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ แหล่งสำคัญของยุโรปอยู่ในบริเวณทะเลเหนือ และรอบๆทะเลสาบแคสเปียน
                    5.4 บอกไซต์ เมื่อนำถลุงแล้วได้อะลูมิเนียม แหล่งผลิตสำคัญอยู่ทางภาคใต้ของฝรั่งเศส ยูโกสลาเวีย ฮังการี เทือกเขาอูราลในรัสเซีย
                    5.5โพแทช ใช้ในอุตสาหกรรมปุ๋ยและสบู่ แหล่งผลิตอยู่ในประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน รัสเซีย
                6. อุตสาหกรรม ยุโรปได้ชื่อว่าเป็นทวีปอุตสาหกรรม เพราะเกือบทุกประเทศประชากร   ผู้ใช้แรงงานส่วนใหญ่อยู่ในภาคอุตสาหกรรม แหล่งอุตสาหกรรมส่วนใหญ่อยู่ในยุโรปตะวันตก เช่น สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ ส่วนยุโรปตะวันออกอยู่ใน รัสเซีย ยูเครน เบลารุส
                7. การค้าขาย เนื่องจากยุโรปความเจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี ทำให้ยุโรปมีการติดต่อค้าขายกับภูมิภาคอื่นและมีการตั้งกลุ่มทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เช่น
                        - สหภาพยุโรป (
EU-European Union)
                        - สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป
(EFTA-European Free Trade Association)  ตลาดการค้าขายระหว่างประเทศ ได้แก่ ประเทศต่างๆที่อยู่ในยุโรปและประเทศอเมริกาเหนือ
                 8.การคมนาคมขนส่ง ยุโรปเป็นทวีปที่มีการคมนาคมขนส่งเจริญก้าวหน้ามาก
                        8.1 ทางรถยนต์ มีทางหลวงเชื่อมระหว่างเมือง เขตอุตสาหกรรมและประเทศต่างๆ มีระยะทางยาวประมาณ 1 ใน 5 ของทางรถยนต์ของโลก
                        8.2 ทางรถไฟ ทวีปยุโรปมีทางรถไฟยาว 1 ใน 3 ของทางรถไฟในโลก ประเทศที่มีทางรถไฟยาวเมื่อเฉลี่ยต่อเนื้อที่แล้วมากที่สุด คือ เบลเยียม รองลงมาคือ สหราชอาณาจักร สวิตเซอร์แลนด์  เมืองที่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางรถไฟคือ ปารีส ลอนดอน เบอร์ลิน วอร์ซอ มอสโก
                        8.3 ทางอากาศ แต่ละประเทศต่างก็มีสายการบินเป็นของตนเอง ใช้ติดต่อระหว่างเมืองภายในประเทศ ระหว่างประเทศ และระหว่างทวีป ศูนย์กลางการบินส่วนใหญ่เป็นเมืองหลวงของแต่ละประเทศ

                        8.4 ทางน้ำ แม่น้ำสำคัญที่ใช้ในการคมนาคมขนส่งภายในประเทศและระหว่างประเทศ ได้แก่ แม่น้ำไรน์ แม่น้ำเซน แม่น้ำดานูบ แม่น้ำโวลกา แม่น้ำโอเดอร์ และมีการขุดคลองเพื่อการคมนาคม เช่น คลองคีล ในเยอรมนี เชื่อมระหว่างทะเลบอลติกกับทะเลเหนือ คลองมีดีในฝรั่งเศสเชื่อมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกับมหาสมุทรแอตแลนติก

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%9B