อินเทอร์เน็ต (อังกฤษ: Internet) หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาด
ใหญ่ ที่มีการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายหลายๆ เครือข่ายทั่วโลก
โดยใช้ภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า โพรโทคอล
(Protocol) ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ในหลายๆ ทาง อาทิเช่น อีเมล เว็บบอร์ด และสามารถสืบค้นข้อมูลและข่าวสารต่างๆ รวมทั้งคัดลอกแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมมาใช้ได้
อินเทอร์เน็ต (Internet) มาจากคำว่า Inter และ net
1. อินเทอร์ (Inter) คือ ระหว่าง หรือท่ามกลาง
2. เน็ต (Net) คือ เครือข่าย (Network)
1. อินเทอร์ (Inter) คือ ระหว่าง หรือท่ามกลาง
2. เน็ต (Net) คือ เครือข่าย (Network)
ประวัติอินเทอร์เน็ต
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ความคิดเรื่องเครือข่ายคอมพิวเตอร์เครือข่ายเดียวที่สามารถให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ต่าง
ระบบกันสามารถสื่อสารกันได้นั้นได้มีการพัฒนาผ่านขั้นตอนหลายขั้นตอนด้วยกัน
การหลอมรวมกันของการพัฒนาเหล่านั้นได้นำไปสู่เครือข่ายของเครือข่ายทั้งหลาย
ที่รู้จักกันในชื่อว่า อินเทอร์เน็ต การพัฒนาเหล่านั้นมีทั้งในแง่การพัฒนาเทคโนโลยี และการรวมโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่ายและระบบโทรคมนาคมที่มีอยู่เดิมเข้าด้วยกัน
ความคิดเรื่องนี้ในครั้งแรก ๆ ปรากฏขึ้นในปลายคริสต์ทศวรรษ 1950 หากแต่การนำแนวคิดเหล่านี้ไปปฏิบัติได้จริงนั้นเริ่มขึ้นในปลายคริสต์ทศวรรษ 1960 และ 1970 เมื่อถึงคริสต์ทศวรรษ 1980 เทคโนโลยีซึ่งนับได้ว่าเป็นพื้นฐานของอินเทอร์เน็ตสมัยใหม่นั้นได้เริ่มแพร่หลายออกไปทั่วโลก ในคริสต์ทศวรรษ 1990 การมาถึงของเวิลด์ไวด์เว็บได้ทำให้การใช้อินเทอร์เน็ตกลายเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป
ที่มา
อินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) จากการเกิดเครือข่าย ARPANET
(Advanced Research Projects Agency NETwork)
ซึ่งเป็นเครือข่ายสำนักงานโครงการวิจัยชั้นสูงของกระทรวงกลาโหม
ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีวัตถุประสงค์หลักของการสร้างเครือข่ายคือ
เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมต่อ และมีปฏิสัมพันธ์กันได้ เครือข่าย
ARPANET ถือเป็นเครือข่ายเริ่มแรก ซึ่งต่อมาได้ถูกพัฒนาให้เป็นเครือข่าย
อินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน
การประยุกต์ใช้งานอินเทอร์เน็ต
การประยุกต์ใช้อินเทอร์เน็ตในปัจจุบันทำได้หลากหลาย อาทิเช่น
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีเมล์ (e-Mail) , สนทนา (Chat),
อ่านหรือแสดงความคิดเห็นในเว็บบอร์ด, การติดตามข่าวสาร, การสืบค้นข้อมูล /
การค้นหาข้อมูล, การชม หรือซื้อสินค้าออนไลน์ , การดาวโหลด เกม เพลง
ไฟล์ข้อมูล ฯลฯ, การติดตามข้อมูล ภาพยนตร์ รายการบันเทิงต่างๆ ออนไลน์,
การเล่นเกมคอมพิวเตอร์ออนไลน์, การเรียนรู้ออนไลน์ (e-Learning),
การประชุมทางไกลผ่านอินเทอร์เน็ต (Video Conference),
โทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต (VoIP), การอับโหลดข้อมูล หรือ อื่นๆ
แนวโน้มล่าสุดของการใช้อินเทอร์เน็ตคือการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์เพื่อสร้างเครือข่ายสังคม ซึ่งพบว่าปัจจุบันเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมดังกล่าวกำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ไฮไฟฟ์
และการใช้เริ่มมีการแพร่ขยายเข้าไปสู่การใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ
(Mobile Internet) มากขึ้น
เนื่องจากเทคโนโลยีปัจจุบันสนับสนุนให้การเข้าถึงเครือข่ายผ่านโทรศัพท์มือ
ถือทำได้ง่ายขึ้นมาก
จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก
ปัจจุบัน จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกโดยประมาณ 2.095 พันล้านคน หรือ
30.2 % ของประชากรทั่วโลก (ข้อมูล ณ เดือน มีนาคม 2554)
โดยเมื่อเปรียบเทียบในทวีปต่างๆ
พบว่าทวีปที่มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุดคือ เอเชีย โดยคิดเป็น 44.0 %
ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมด
และประเทศที่มีประชากรผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุดคือประเทศจีน
คิดเป็นจำนวน 384 ล้านคน
หากเปรียบเทียบจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกับจำนวนประชากรรวม
พบว่าทวีปอเมริกาเหนือมีสัดส่วนผู้ใช้ต่อประชากรสูงที่สุดคือ 78.3 %
รองลงมาได้แก่ ทวีปออสเตรเลีย 60.1 % และ ทวีปยุโรป คิดเป็น 58.3 %
ตามลำดับ
อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย
อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2530
โดยการเชื่อมต่อมินิคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ไปยังมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น
ประเทศออสเตรเลีย แต่ในครั้งนั้นยังเป็นการ เชื่อมต่อโดยผ่านสายโทรศัพท์
ซึ่งสามารถส่งข้อมูลได้ช้าและไม่เป็นการถาวร จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2535 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ(NECTEC), มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เข้าด้วยกันเรียกว่า "เครือข่ายไทยสาร" (NECTEC) ได้ทำการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับมหาวิทยาลัย 6 แห่ง ได้แก่
การให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยได้เริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ
เดือน มีนาคม พ.ศ. 2538 โดยความร่วมมือของรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง คือ
การสื่อสารแห่งประเทศไทย องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย
และสำนักงานส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
โดยให้บริการในนาม บริษัท อินเทอร์เน็ต ประเทศไทย (Internet Thailand)
เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์รายแรกของประเทศไทย
จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย
จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงดังนี้ ปี 2534
(30คน) ปี 2535 (200 คน) ปี 2536 (8,000 คน) ปี 2537 (23,000 คน) ...
ข้อมูลล่าสุดของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2551 จากจำนวนประชากรอายุ 6
ปีขึ้นไปประมาณ 59.97 ล้านคน พบว่า มีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ 16.99 ล้านคน
คิดเป็น ร้อยละ 28.2 และมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 10.96 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ
18.2
อินเทอร์เน็ตแบนด์วิท
ปัจจุบัน (มกราคม 2553) ประเทศไทยมีความกว้างช่องสัญญาณ (Internet Bandwidth) ภายในประเทศ 110 Gbps และระหว่างประเทศ 110 Gbps
การใช้อินเทอร์เน็ต
ในที่นี้เราจะคุยกันถึงเรื่องอินเตอร์เน็ต อินเตอร์เน็ตสามารถทำกำไรและสร้างความสนุกสนานให้แก่ธุรกิจได้อย่างไร ? นั่นเป็นคำถามที่ดี
อินเตอร์เน็ตเป็นเครือข่ายทางคอมพิวเตอร์ที่ใช้คู่สายโทรศัพท์เชื่อมต่อเพื่อสนทนากับผู้อื่น โดยการใช้โมเด็ม
การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน
และมีการรับ-ส่งข้อมูลถึงกัน ถ้าข้อมูลอยู่ในรูปที่เรียกว่า ภาษา HTML
การแสดงผลลัพธ์บนหน้าจอเป็นกราฟฟิกพร้อมกับตัวอักษร ภาพ และ โครงสร้างอื่น ๆ
โปรแกรมซอฟแวร์บราว์เซอร์จะอ่านและแปลภาษา HTML ( Netscape Communicator,
Microsoft Explorer)
อินเตอร์
เน็ตเวบเพจ ได้แก่ การเชื่อมต่าง ๆ (links) โดยเฉพาะคำและวลี
ซึ่งจะมีการโหลตไปยังเวบเพจอื่นๆ โดยอัตโนมัติ เช่น จาก เวบเพจ CNN
คุณสามารถเลือกหัวเรื่อง และ links จะทำการโหลดให้เป็นเนื้อหาสาระทั้งหมด
แล้วยังไงต่อล่ะ
ลอง
นึกภาพดูว่าหากชีวิตนี้ไม่มีโทรศัพท์ใช้
คุณไม่สามารถติดต่อผู้ขายหรือสั่งซื้อวัสดุ ลูกค้าไม่โทรมาสั่งซื้อสินค้า
คุณไม่ได้พูดคุยโทรศัพท์กับเพื่อน
คอมพิวเตอร์ก็มีการใช้งานโทรศัพท์ในลักษณะนี้ การใช้อินเตอร์เน็ต
คุณสามารถสำรวจแหล่งวัตถุดิบ สั่งซื้อกับผู้ขาย ติดต่อเรื่องการขนส่ง
แสดงสินค้าของคุณให้ปรากฏแก่สายตาลูกค้า รับใบสั่งซื้อ
หรือแม้แต่การติดต่อกับธนาคารทางออนไลน์
แน่
นอน คุณสามารถทำธุรกิจของคุณได้แม้ว่าจะไม่มีโทรศัพท์หรืออินเตอร์เน็ต
แต่การมีโทรศัพท์ใช้ หรือมีการติดต่อกับลูกค้าทางอินเตอร์เน็ต
จะช่วยให้คุณขยายฐานลูกค้าออกไปได้มาก แม้ว่าคุณจะไม่ต้องการทำเวบไซต์
ลงรูปถ่าย หรือขายสินค้า
แต่คุณก็สามารถให้อินเตอร์เน็ตเพื่อการค้นหาข้อมูลหรือซื้อสินค้าได้
นับ
เป็นโชคดีที่คุณไม่จำเป็นต้องซื้อคอมพิวเตอร์หรือซอฟแวร์เพื่อที่จะมีอิน
เตรอ์เน็ต ในชุมชนแทบทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นห้องสมุด มหาวิทยาลัย
หรือหน่วยงานราชการ มักจะมีคอมพิวเตอร์และให้บริการอินเตอร์เน็ตแก่ชุมชน
ชุมชนหลายแห่งมีอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ หรือ
ร้านหนังสือที่มีการให้บริการอินเตอร์เน็ตโดยเสียค่าบริการเพียงนิดน่อย
ชุมชนบางแห่งมีร้านถ่ายเอกสารซึ่งให้เช่าเครื่องคอมพิวเตอร์
ร้านคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ก็มักมีบริการเหล่านี้ ลองตรวจเช็คดูซิ
ง่าย
ๆ เพียงเข้าไปที่ search แล้วตามด้วย enter เช่น
เมื่อจะค้นหาเกี่ยวกับธุรกิจในบ้าน หรือ Home business บน Lycos
คุณจะพบแคทตาล็อคอาชีพมากมาย 349 อาชีพ และหัวข้อกว่า 15,648,306 หัวข้อ
อ่านเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการค้นหาข้อมูลทาง search tip
เพื่อการค้นหาของคุณจะตรงเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
การจัดทำเว็บไซต์
เอา
ล่ะ บางทีคุณอาจจะยังสงสัยเกี่ยวโลกของเว็บไซต์ หรือ www.
และคุณก็ตัดสินใจได้แล้วว่าคุณจะขายสินค้าหรือบริการอะไรทางอินเตอร์เน็ต
คุณจะเริ่มต้นธุรกิจอย่างไรดี
ประการ
แรก ในฐานะลูกค้าทางอินเตอร์เน็ต
ไม่ว่าจะเป็นการใช้อินเตอร์เน็ตจากห้องสมุด
หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ของเพื่อน หรือในที่ทำงาน หรือคอมพิวเตอร์ของคุณเอง
ก็ตาม ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณมีโมเด็ม
คุณสามารถติดต่อผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต หรือ ISP
ซึ่งให้บริการอินเตอร์เน็ตในลักษณะที่เหมือนกับการใช้บริการโทรศัพท์ท้อง
ถิ่น ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไป แต่โดยทั่วไปก็จะประมาณ
ไม่กี่ร้อยบาทต่อเดือน
คุณ
เริ่มต้นมองหาธุรกิจแบบที่ทำในบ้าน หรือ home business
ที่ปรากฎอยู่แล้วทางออนไลน์ ซึ่งจะทำให้คุณทราบอย่างรวดเร็วว่าใครทำอะไร
และ อย่างไร โปรดสังเกต ขอให้ทำการ save ที่อยู่ของ URL (uniform resource
locator) เช่น www.careerpress.com โดยใช้ bookmark ในโปรแกรมบราว์เซอร์
คำ
ศัพท์ทางเทคนิค The URL www.careerpress.com เช่น ชื่อ : careerpress.com
คุณจะตั้งชื่อสักหนึ่งชื่อให้ตัวเองได้อย่างไร บางทีคุณอาจอยากใช้คำว่า
superduperhomebusiness.com
จากนั้นลูกค้าอาจจะเข้าไปที่ชื่อในบราว์เซอร์และเข้าไปที่เว็บไซต์ใหม่ของ
คุณอย่างรวดเร็ว มีธุรกิจหลายประเภทมากที่เสนอให้มีการลงทะเบียนชื่อ
จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดคือ ที่ ISP ซึ่งสามารถตรวจรายชื่อ ให้คำแนะนำ และ
แสดงให้คุณทราบถึงวิธีการลงทะเบียนจนกว่าคุณจะพร้อมใช้งาน
ตาม
ความเป็นจริง ISP อาจมีแพ็คเก็จต่าง ๆ
กันซึ่งเหมาะสำหรับบุคคลและธุรกิจขนาดเล็ก เช่น web hosting , storage,
e-mail addresses และ บริการอื่น ๆ
แล้ว
เราจะซื้อของทางอินเตอร์เน็ตได้อย่างไร เราสามารถทำได้โดยผ่าน “secure
servers” Server คือคอมพิวเตอร์ที่เปิดใช้งานตลอดเวลา และ
สามารถทำงานผ่านอินเตอร์เน็ต ส่วน secure server
หมายถึงซอฟแวร์ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ เช่น บัตรเครดิต
และตัวเลข สินค้าและบริการนับร้อยล้านบาทมีการขายผ่านอินเตอร์เน็ตทุกปี และ
การฉ้อโกงจะน้อยกว่าการซื้อขายแบบทั่วไป
เมื่อ
คุณเลือก ISP เพื่อจะขายสินค้าหรือบริการได้แล้ว คุณจะต้องมี secure server
และ ซอฟแวร์ที่เหมาะสมมาใช้งานด้วย ISP
หลายแห่งมีแพ็คเก็จสำเร็จรูปที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการขายสินค้าทาง
อินเตอร์เน็ต คุณสามารถหาซื้อได้ หรือขอให้ผู้ทำสัญญาออกแบบเว็บไซต์ให้คุณ
เพื่อที่คุณจะรับใบสั่งซื้อจากลูกค้าได้ และ
มีการโอนเงินเขาบัญชีธนาคารโดยอัตโนมัติ ทำไดจริงหรือนั่น !!!
ความ
รู้คืออำนาจ
ถ้าคุณไม่เคยมีประสบการณ์การซื้อขายสินค้าหรือบริการทางอินเตอร์เน็ต
ขอให้คุณใช้เวลาเรียนรู้หรืออาจจ้างคนมาช่วยคุณทำงาน
อาจจะจ้างผู้รับเหมาหรือผู้ให้บริการมาช่วยคุณ นั่นคือวิธีที่รวดเร็วที่สุด
ซึ่งคุณก็ต้องจ่ายราคาที่แพงมากด้วยเช่นกัน
เป็นไปได้ก็น่าจะลองทำด้วยตัวคุณเอง
ด้วยการหาหนังสือเกี่ยวกับการจัดทำเว็บไซต์ทางอินเตอร์เน็ตมาอ่านและศึกษา
ด้วยตัวเอง
ทาง
เลือกสำหรับกรณีนี้คือ
การเชื่อมโยงธุรกิจของคุณร่วมกับการจัดทำตลาดสินค้าทางอินเตอร์เน็ต
ซึ่งจะประหยัดเงินได้มากกว่าการไปทำคนเดียว
แต่คุณจะต้องระมัดระวังเรื่องข้อตกลงและการจ่ายเงิน
หุ้นส่วนของคุณอาจช่วยทำธุรกิจให้ง่ายขึ้นเป็นสองเท่า หรือ
เพิ่มความยุ่งยากเป็นสองเท่าก็ได้หากไม่ระมัดระวัง
ขอ
ให้เรามาดูตัวอย่างเว็บไซต์ธุรกิจในบ้านว่า สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นได้อย่างไร
ลูกค้าใช้ search engine ( เช่น Yahoo, Looksmart, etc.) เพื่อค้นหาคำว่า
“Dan Ramsey” ทำการค้นหาพบคำ 520 รายการบนเว็บไซต์
ซึ่งเรียงลำดับตามจำนวนคำมากน้อยที่ปรากฎ คำที่ปรากฎมากที่สุดคือ “Mulligan
Press” ดังนั้น ลูกค้าจึงเลือกคลิกเม้าส์อันโนมัตไปที่ www.mulliganpress.com
ใน
เว็บไซต์ Mulligan Press จะมี บทนำ รายละเอียด รูปภาพสินค้า ราคา และ
ข้อมูลการสั่งซื้อ การเลือกหนังสือพิเศษสักเล่มหนึ่ง
เว็บเพ็จใหม่จะปรากฎพร้อมกับภาพพวงกุญแจที่ตอนบนของหน้ากระดาษซึ่งแสดงถึง
secure page ลูกค้าจะเข้าไปในส่วนที่เป็นที่อยู่ของการจัดส่งสินค้า
หมายเลขบัตรเครดิต และ วันที่หมดอายุ และ เลือก คำสัง “ สั่งซื้อสินค้า ”
ข้อมูล
เกี่ยวกับบัตรเครดิต จะถูกส่งไปถึงบริษัทตัวแทนบัตรเครดิต
บริษัทจะตรวจสอบและให้คำตอบยอมรับหรือปฏิเสธบัตรเครดิตนั้นภายในไม่กี่
วินาที และเมื่อมีการสั่งซื้อเกิดขึ้นแล้ว คำว่า “ ขอบคุณที่สั่งซื้อสินค้า
” ก็จะปรากฎให้เห็น
ส่วน
ใหญ่แล้ว การยืนยันการสั่งซื้อจะส่งเป็นข้อความไปให้แก่ลูกค้า
ทางอีเมลล์โดยอัตโนมัติภายในไม่กี่นาที เพื่อยืนยันสินค้าที่ซื้อ ราคา และ
และ บริการ ที่มีการสั่งซื้อ
แน่
นอนว่า
มีรายละเอียดอยู่ไม่น้อยเหมือนกันเมื่อจะทำเว็บเซต์เพื่อขายสินค้าและบริการ
นั่นคือเหตุผล ที่คุณจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจาก ISP หรือ
ผู้เชี่ยวชาญด้านการขายเว็บไซต์
เว็บ
ไซต์ สามารถสร้างรายได้ใช่หรือไม่ นั่นขึ้นอยู่กับเหตุผลด้วย
ข้อดีของเว็บไซต์สำหรับการขายสินค้าหรือบริการ คือ
คุณสามารถขายสินค้าให้แก่ลูกค้าได้นับล้านทางอินเตอร์เน็ต อย่างไรก็ดี
สิ่งนี้ต้องใช้ทักษะด้านทางคอมพิวเตอร์และด้านธุรกิจอยู่ด้วย และ
ต้องใช้เงินอยู่เป็นจำนวนมากพอสมควร
มากกว่าการแค่จัดขายสินค้าและมีลูกค้ามาเดินชมสินค้า
การจัดทำเว็บไซต์จึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ก็สามารถทำได้
ธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมากดำเนินธุรกิจทางอินเตอร์เน็ต
คุณก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
จัดทำบัญชีผ่านอีเมลล์
อี
เมลล์ หรือจดหมายอิเล็คทรอนิคส์ บางทีเหตุผลหลักของการที่คนใช้อินเตอร์เน็ต
ก็มาจากอีเมลล์ นั่นเอง คุณสามารถส่งอีเมลล์ให้แก่ลูกค้า เพื่อน ผู้ขาย
และ ใครก็ตามได้ทั่วโลก ที่อยู่อีเมลล์ก็จำได้ง่าย จะมีเครื่องหมาย @ เช่น
dan@mulliganpress.com
คุณ
สามารถสั่งซื้อ บัญชีอีเมลล์ (e-mail account) ได้จาก ISP เ ช่น American
Online (AOL) e-mail account แบบไม่ต้องเสียเงินก็มีซึ่งคุณสามารถหาได้จาก
www.hotmail.com โฆษณาของฮอทเมลล์จะปรากฎด้านล่างของทุก ๆ ข้อความที่คุณส่ง
เทคโนโลยี่อื่น ๆ ที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่คุณ
เทคโนโลยี
คอมพิวเตอร์มีประโยชน์ต่อธุรกิจที่ทำที่บ้าน คอมแพ็คดิสก์ หรือ ซีดี
ถูกนำมาใช้เพื่อเก็บข้อมูลและ แสดงข้อมูล
ซึ่งข้อมูลอาจเป็นคอร์สฝึกอบรมระบบมัลติมีเดียเกี่ยวกับการใช้ซอฟแวร์ใหม่ ๆ
ซีดี สามารถบรรจุข้อมูลที่เป็นเนื้อหาสาระทั้งหมดของหนังสือ หรือ
เป็นซีดีเพลง เทคโนโลยี่อีกตัวหนึ่ง คือ
เทคโนโลยี่ภาพถ่าย ซึ่งต้องใช้ในแสง
และเคมีเพื่อบันทึกลงบนกระดาษที่มีความจำเพราะพิเศษ
ภาพนั้นจะถูกอ่านและพริ้นออกมา
นอก
เหนือจากความบันเทิงแล้ว คุณสามารถแก้ไขภาพถ่ายสินค้าและกระบวนการต่าง ๆ
ทางคอมพิวเตอร์ได้ สามารถพริ้น และ อัพโหลตทางอินเตอร์เน็ต
สามารถนำภาพถ่ายโปรเจ็คล่าสุดของคุณมาปรากฎสู่สายตาชาวโลกทางอินเตอร์เน็ต
ได้ ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที น่าอัศจรรย์ !
มี
แอปพลิเคชั่นมากมายสำหรับเทคโนโลยีภาพถ่าย
แต่ก็จำเป็นต้องใช้เครื่องมือใหม่ ๆ ด้วย เช่น กล้องดิจิตอล
ซึ่งมีอยู่หลายราคา คุณภาพของกล้อง ซึ่งประเมินได้จาก การทำงานและ
ความละเอียดจำนวนจุดต่อนิ้ว เช่น กล้องทั่ว ๆ ไป มีความละเอียดของจุด 640 x
480 dpi กล้องคุณภาพปานกลาง มีความละเอียด 1280 x 960 dpi และ
กล้องคุณภาพสูง มีความละเอียด 1712 x 1368 dpi
ถ้า
ภาพถ่ายดิจิตอลเหล่านี้เป็นที่ถูกอกถูกใจคุณ จงเริ่มต้นเรียนรู้จักมัน
แวะไปร้านคอมพิวเตอร์ และ ร้านถ่ายรูปบ้าง เพื่อพูดคุยแสดงความคิดเห็น
ความต้องการ และ งบประมาณที่คุณมี
คุณจะเรียนรู้ทันทีถึงสิ่งที่จำเป็นสำหรับการทำงาน
เท
คโนโลยี่ จะเปิดประตูให้แก่คุณเพื่อทำธุรกิจ ยิ่งศตวรรษใหม่นี้
เทคโนโลยี่นับว่าน่าสนใจมาก ซึ่งเสนอโอกาสเพื่อสร้างกำไรก้อนใหญ่ให้แก่คุณ
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%87%E0%B8%95
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%87%E0%B8%95
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น